Tuesday, June 7, 2016

รถรับจ้างขนของ เคลื่อนย้ายสิ่งของอาชีพอิสระหลังน้ำท่วม

งานรับจ้างขนของ ถ้าท่านใดที่มีรถกระบะ หรือรถบรรทุกขนาดใหญ่ รถ 10 ล้อ รถ 6 ล้อ ท่านก็สามารถนำออกมาวิ่งรับจ้าง ขนของเข้าย้ายของออกจากบ้านหลังน้ำลด หรือรับจ้างทั่วไปก็ได้ นับว่าเป็นงาน เป็นอาชีพอิสระหลังน้ำท่วมที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้อีกช่องทาง แต่เรื่องราคาก็คงต้องเห็นใจกันด้วยนะค่ะ ไม่ใช้ว่าเห็นแก่ได้อย่างเดียว บางคนไม่เหลืออะไรเลย การทำอาชีพหลังน้ำท่วมนี้เรายอมรู้ดีว่าทุกคนต้องเจออะไรมาบ้าง ว่ามันสาหัสกันแค่ไหน เรื่องราคาถ้าช่วยกันได้ก็ช่วยกันนะค่ะ
รถกระบะรับจ้างขนของ
รถกระบะรับจ้างขนของ นอกจากท่านจะไม่ต้องลงทุนอะไรมาก นอกจากเติมน้ำมันแล้ว ยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการหารายได้เสริมหลังน้ำท่วมอีกด้วยค่ะ สำหรับคนที่มีรถ
รถบรรทุก 6 -10 ล้อ
ถ้าท่านมีรถบรรทุก 10 ล้อ รถ 6 ล้อ หรือจะเป็นรถกระบะ ท่านก็สามารถนำออกมาขับรับจ้างหลังน้ำท่วมนี้ได้ เพราะดิฉันเชื่อว่าจะต้องมีคนที่ต้องการจะใช้รถบรรทุกเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ หรือไม่ก็อาจจะใช้รถบรรทุก ขนของเข้าบ้านหลังน้ำลดแล้วก็ได้ หรืออาจจะใช้เพื่อช่วยขนขยะมูลฝอย ต่างๆ ออกจากบริเวณบ้าน และง่ายต่อการขนย้ายข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ กลับเข้าบ้านด้วยค่ะ
รถบรรทุกรับจ้าง
รถบรรทุก 10 ล้อ รถ 6 ล้อ รับจ้างทั่วไป ไปส่งได้ทุกที่ตามที่เราต้องการ ถ้าท่านไม่ทำเป็นงานอดิเรกท่านก็สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้นะค่ะ เพราะว่าเราไม่ได้มีงานทุกวัน แล้วแต่ว่าใครจะจ้างตอนไหน เพราะฉะนั้นเราก็สามารถทำแบบงานอิสระได้สบายๆ เลยค่ะ แถมยังได้เงินดีอีกด้วยค่ะ
ที่มา
http://ohomakemoney.com/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87.html

อาชีพเก็บขยะ เก็บขวดน้ำพลาสติก ขวดแก้ว กระป๋องน้ำ รับซื้อของเก่า

อาชีพเก็บเก็บขวดพลาสติก ขวดแก้ว กระป๋อง รับซื้อของเก่าและรับซื้อขยะ นอกจากจะเป็นอาชีพทำเงินที่น่าสนใจแล้วพวกเขาเหล่านี้มักจะมีสำนักงานอยู่ที่บ้านหรือสร้างเป็นโรงรับซื้อขยะเองและของเก่าหรือขยะเหล่านี้ก็สามารถนำมารีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ได้ บางที่ก็จะเป็นแบบธุรกิจครอบครัว มีรถกระบะวิ่งรับซื้อของเก่าตามหมู่บ้านทั่วๆ ไป แต่บางคนที่เขามีเงินเยอะหน่อย ก็ทำเป็นแบบธุรกิจขนาดใหญ่มีโรงแยกขยะต่างหาก มีพนักงานจำนวนมาก พอแยกขยะแล้วก็ส่งขยะให้บริษัทที่รับซื้อขยะเหล่านี้นำไปรีไซเคิล แล้วก็นำกลับมาใช้บรรจุภัณฑ์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง รถที่วิ่งรับซื้อของเก่าหรือรับซื้อขยะตามหมู่บ้านโดยทั่วไปแล้ว ก็จะนำขยะมาขายให้กับโรงรับซื้อขยะขนาดใหญ่นี้เป็นจำนวนมาก และเราก็มักจะเห็นรถรับซื้อของเก่าและรับซื้อขยะอยู่เป็นประจำ เพราะสามารถสร้างรายได้และเป็นอาชีพที่อิสระไม่ต้องมีใครคอยสั่งให้เราทำโน่นนี่ ถ้าเรามีความขยันหน่อยบวกกับความอดทนอีกนิด รับรองได้เลยว่าอาชีพรับซื้อขยะและรับซื้อของเก่านี้ สามารถสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวอย่างมากมายเลยทีเดียวค่ะ
ขยะมูลฝอยล้นเมืองเป็นปัญหาที่ทั่วโลกต้องพบเจอ และประเทศไทยของเราเองก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ต้องเจอกับปัญหาขยะล้นเมืองเช่นเดียวกัน เพราะมีประชากรเป็นจำนวนมาก การซื้อขาย การผลิตสินค้าและการบริโภคก็มากขึ้นตามจำนวนของประชากรในประเทศ ซึ่งบางประเทศก็จะมีวิธีจัดการกับปัญหาเศษขยะล้นเมืองกันหลายวิธี และถึงแม้ว่าประเทศของเราจะยังไม่มีมาตรการที่แน่ชัดในการจัดการกับปัญหาเหล่านี้แต่ก็มีวิธีการแยกขยะที่ทำให้ง่ายต่อการเก็บ และง่ายต่อผู้ที่ทิ้งขยะ นั่นคือการทำถังขยะแยกประเภท นอกจากจะทำให้ง่ายต่อการทิ้งแล้วพนักงานเก็บขยะก็ง่ายต่อการทำงานด้วยค่ะ

อาชีพเก็บขยะ ขวดน้ำพลาสติก  เก็บขยะขายหลังน้ำท่วม

อาชีพเก็บขยะขายเป็นอาชีพที่ไม่ต้องลงทุน แต่ก็ต้องระวังเรื่องโรคภัยที่อาจจะมาจากการเก็บขยะ แต่งานเก็บขยะก็ไม่ต้องมีใครมาคอยกำหนดปริมาณงานให้น่ารำคาญใจ ไม่ต้องมีเจ้านายมายืนคุมงาน คอยสั่งงาน เป็นอาชีพที่คอยหล่อเลี้ยงคนจนให้มีรายได้มาจุนเจือครอบครัวและเป็นหนึ่งในอาชีพสุจริตที่มีส่วนช่วยลดสภาวะโลกร้อนอีกด้วย เพราะอาชีพเก็บขยะขายเป็นการลดปริมาณขยะที่มีอยู่เป็นจำนวนมากให้ลดลง แต่คนเก็บขยะขายก็เป็นแรงงานนอกระบบ ไม่มีสวัสดิการทางสังคมและสิทธิประโยชน์เทียบเท่ากับอาชีพอื่นๆ เพราะพวกเขามีระดับการศึกษาไม่สูง ไม่มีงานทำ พวกเขาจึงต้องผันตัวเองมาประกอบอาชีพเก็บขยะ แต่ส่วนมากมักจะเคยเป็นชาวนา คนงานก่อสร้าง พนักงานขับรถ หรือลูกจ้างทั่วไปมาก่อน ก่อนที่จะมาประกอบอาชีพเก็บขยะ

พนักงานเก็บขยะผู้ที่ช่วยทำให้เมืองสะอาด

แต่ละประเทศก็จะมีพนักงานเก็บขยะที่จะคอยช่วยดูแลเรื่องของปริมาณขยะ เพราะถ้าเราไม่มีการจัดการกับปัญหาขยะพวกนี้อย่างจริงจัง ปัญหาที่ตามมาก็คือขยะล้นเมือง ทำให้บ้านเมืองสกปรกไม่น่าเข้าไปเที่ยวชม ส่งกลิ่นเหม็น และเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดสภาวะโลกร้อนอีกด้วย พนักงานเก็บขยะก็เป็นปัจจัยสำคัญที่คอยช่วยดูแลปริมาณขยะ นอกจากจะมีพนักงานของรัฐบาลแล้ว ก็ยังมีบริษัทเอกชนที่เปิดให้บริการเรื่องของการเก็บขยะอีกเป็นด้วย พนักงานเก็บขยะแตกต่างจากคนเก็บขยะทั่วไป เพราะคนที่ทำงานเก็บขยะขายโดยทั่วไป จะไม่มีสวัสดิการเป็นงานอิสระแต่พนักงานเก็บขยะนั้นมีเงินเดือนให้ และบางบริษัทก็จะมีสวัสดิการต่างๆ ให้ แล้วแต่บริษัทนั้นๆ จะให้สิทธิประโยชน์ทางด้านสังคมอะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น พนักงานเก็บขยะในต่างประเทศที่มีสวัสดิการดี และมีเงินเดือนดี เช่น อิตาลี่ เยอรมัน พนักงานเหล่านี้จะได้สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ทางสังคมที่ดีมาก เพราะรัฐบาลของพวกเขาเอาใจใส่กับปริมาณของขยะที่มีมากขึ้นทุกวัน จึงต้องให้สวัสดิการและเงินเดือนทีสูง เพื่อที่จะให้มีผู้มาสมัครทำงานทางด้านนี้ให้มากๆ ค่ะ

เก็บขยะหลังน้ำท่วม เป็นอาชีพสร้างเสริมและสร้างรายได้อย่างงดงาม

หลังน้ำท่วมครั้งนี้ผ่านไป รับรองว่าขยะเกลื่อนเมืองแน่ๆ ค่ะ ในช่วงนี้เองที่เราจะถือโอกาสทำความดีไปพร้อมๆ กับการสร้างรายได้ หลังจากที่น้ำลดลงแล้ว ขวดพลาสติก ขวดแก้ว โลหะชนิดต่างๆ คงต้องมีมากมายแน่นอน คนเก็บขยะขายคงจะเก็บแทบไม่ทันเพราะขยะไหลมากับน้ำมีขยะอยู่แทบทุกที่บางทีเราไม่ต้องออกไปเก็บ ขยะก็ลอยมาติดหน้าบ้านให้เรานำไปขายได้ถึงที่เลยหละค่ะ แต่ถ้าเราช่วยกันเก็บขยะถึงเราไม่คิดจะนำไปขาย แต่ก็เป็นการช่วยทำความสะอาดบ้านเมือง และช่วยลดสภาวะโลกร้อนอีกด้วยค่ะ
การเก็บขยะขายอย่าง ขวดพลาสติก ขวดแก้ว กระป๋องหลังน้ำท่วมนอกจากจะสร้างรายได้ในช่วงนี้แล้ว ยังเป็นการทำความดีในยามที่ประเทศเราต้องการความช่วยเหลือ แม้ว่าเราจะเป็นหนึ่งในความดีเพียงเล็กน้อย แต่เราก็จะภูมิใจที่ได้เป็นส่วนช่วยให้ประเทศของเรากลับมาน่าอยู่อีกครั้ง แต่ถ้าเราเก็บขยะแล้วนำไปขายในช่วงนี้ไม่รู้ว่าพวกรับซื้อขยะจะยังรับซื้ออยู่มั้ยนะ เพราะถ้าเรานำไปขายในพื้นที่น้ำท่วมเหมือนกัน ดิฉันคิดว่าเขาคงจะไม่รับซื้อหรอกค่ะ เพราะคงจะอพยพกันไปหมดแล้ว แต่ภายหลังน้ำลดแล้วจะต้องกลับมารับซื้อแน่นอนค่ะ
ที่มา
http://ohomakemoney.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B0.html

อดีต รปภ. ไอเดียแจ่ม ผุดบริการ "แล้วแต่จะเรียกใช้" เจาะกลุ่มลูกค้าโซเชียล

Social Biz
ดวงกมล

อดีต รปภ. ไอเดียแจ่ม ผุดบริการ "แล้วแต่จะเรียกใช้" เจาะกลุ่มลูกค้าโซเชียล
บริการที่ลูกค้าเรียกใช้มากที่สุด ชายหนุ่ม ระบุว่า ไปซื้อขนม อาหารสด เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง เพราะ 90 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าเป็นผู้หญิง ห้างสรรพสินค้าที่ไปบ่อยมากที่สุดคือ สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ เยาวราช ตลาดสำเพ็ง พาหุรัด สะพานเหล็ก ตลาดจตุจักร ประตูน้ำ



ในห้วงเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา "ธุรกิจพรีออร์เดอร์" สินค้าจากต่างประเทศเคยบูมแบบสุดๆ ในกลุ่มผู้ที่ชอบช็อปปิ้งสินค้าต่างประเทศ เลยเกิดคำถามว่า ทำไม "ไม่พรีออร์เดอร์" สินค้าในประเทศ ให้กับคนที่อยากซื้อแต่หาซื้อไม่ได้ หรือไม่สามารถไปซื้อด้วยตัวเองได้ ไอเดียนี้เกิดขึ้นแล้วโดย คุณรชานนท์ โสภาพ หรือ คุณบูม อดีตหนุ่ม รปภ. ที่ผันตัวผุดธุรกิจบริการรับจ้างฝากซื้อของ อาทิ อาหาร ขนม เครื่องสำอาง ฯลฯ ล่าสุดต่อยอดบริการรับจ้างสารพัด ใช้โมเดลธุรกิจเก็บเงินสดจากลูกค้าที่ฝากซื้อก่อน แล้วค่อยนำเงินไปจ่ายค่าสินค้าและค่าจัดส่งให้ทีหลัง



ถูกใช้ไปซื้อของบ่อย

ทำเป็นธุรกิจซะเลย


BooMBA คือ บริการรับฝากซื้อ จัดหา หิ้วของ พรีออร์เดอร์สินค้า รับฝากทำกิจธุระทั่ว กทม. จัดส่งทั่วโลก งานแปลกที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเลยสักบาท แต่สามารถทำเงินได้ทุกวัน มีทีมงานเป็นวิศวกร นักเรียน นักศึกษา

คุณบูม ปัจจุบันอายุ 30 ปี อดีตเป็น รปภ. 3 ปี (รักษาความปลอดภัย) สำนักงานย่านถนนบางนาตราด กทม. ทุกวันนี้ลาออกมาเป็นเจ้าของกิจการรับฝากซื้อ จัดหา หิ้วของ พรีออร์เดอร์สินค้า รับฝากทำกิจธุระทั่ว กทม. จัดส่งทั่วโลก ไอเดียธุรกิจเริ่มต้นเมื่อตอนเป็นยาม

คุณบูม เผยว่า ตอนเป็น รปภ. มักถูกพนักงานออฟฟิศผู้หญิงจ้างไปซื้ออาหาร ขนม เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ของกระจุกกระจิกอยู่บ่อยๆ นานวันเริ่มถูกจ้างมากขึ้นเรื่อยๆ มีรายได้มากขึ้น เลยลองเปิดเพจในเฟซบุ๊ก รับฝากซื้อของใน กทม. จัดส่งทั่วประเทศ ซึ่งเดือนแรกไม่มีลูกค้าเลย ต่อมาเดือนที่ 2 มีลูกค้า 3 คน เป็นผู้หญิงใช้ไปซื้อขนมเค้กที่สยามพารากอน นับเป็นงานแรกที่ได้เงินโดยไม่ต้องลงทุนก่อน เดือนต่อๆ มา เริ่มมีลูกค้าเพิ่มขึ้น จนกระทั่งเข้าเดือนที่ 5 กิจการดีขึ้น ถึงขั้นลาออกจากการเป็น รปภ. มาทำเต็มตัว

ดูเหมือนงานง่ายๆ รับจ้างฝากซื้อของ แต่คุณบูม บอกว่า สิ่งที่ยากคือ การสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้าเชื่อใจว่าพ่อค้าจะไม่โกงเงิน เพราะลูกค้าต้องโอนเงินมาก่อนทั้งที่ไม่รู้จักกัน วิธีการคือ ถ่ายรูปบิล สินค้า ให้ลูกค้าดู ให้ลูกค้าเข้ามารีวิว มาเขียนคำติชมได้

"ลูกค้าคนแรกที่ตัดสินใจมาใช้บริการน่าจะอยากลองว่าบริการรับฝากซื้อของมีจริงไหม พอเห็นว่ามีจริงก็เลยกล้าใช้ หลังจากเปิดเพจได้ 5 เดือน ฟีดแบ็กดีขึ้น ผมเพิ่มบริการจากรับฝากซื้อของ เป็นรับจ้างสารพัดถูกกฎหมายให้บริการทั่วประเทศ"



ส่งเร็ว ส่งไว อัพรูปตลอด

บริการถูกกฎหมายเท่านั้น


ทว่าการทำธุรกิจมักต้องเจอปัญหา ช่วงเริ่มต้นใน 4-5 เดือนแรก ชายหนุ่มเจอปัญหามากมาย เช่น ไม่รู้จักร้านที่ลูกค้าฝากสั่งซื้ออยู่ตรงไหน เดินทางยังไงถึงจะคุ้มกับค่ารถเพราะทุกอย่างมีต้นทุนต้องบริหารให้ดี ไม่งั้นก็ขาดทุน เขาอาศัยลองผิดลองถูกเดินทางไปทั่ว กทม. ขึ้นรถเมล์ รถตู้ เรือ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง BTS MRT จนเริ่มสั่งสมประสบการณ์มากขึ้น รวมถึงขยันทำการตลาดไปลงประกาศตามเว็บไซต์ต่างๆ พอเข้าสู่เดือนที่ 5 ก็เริ่มมีลูกค้ามาใช้บริการและเป็นที่รู้จักมากขึ้น

สำหรับบริการที่บอกว่ามีสารพัด คุณบูม เผยว่า นับตั้งแต่ไปซื้อขนม เครื่องดื่ม อาหารสด อาหารแห้ง ผัก ผลไม้ เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ จองตั๋ว รับบัตรคิว ไปเยี่ยมคนป่วย ไปตักบาตร รับเซอร์ไพรส์ จ้างไปเฝ้าบ้าน สืบพฤติกรรมบุคคล สะกดรอยตาม ฝากเลี้ยงหมา ฝากเลี้ยงเด็กเล็ก เอากระเป๋าไปซ่อม ฝากซื้อหนังสือ ไปเที่ยวห้างแล้วส่งภาพมาให้ไว้เพื่ออัพเฟซบุ๊กก็ยังมี

ด้านกระบวนการทำงาน หลังจากคุณบูมได้รับออร์เดอร์ ลูกค้าจะต้องส่งรายละเอียด พร้อมรูปถ่ายสินค้าที่จะซื้อส่งมาให้ทางไลน์ หรือทางเฟซบุ๊ก จากนั้นโอนเงินค่าสินค้า ค่าส่ง ค่าจ้างคิดค่าเหนื่อยตามระยะทาง ความยากง่ายของงานอัตราค่าบริการในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล เริ่มต้น 190-600 บาท นัดส่งสินค้าตามรถไฟฟ้า และบริการแท็กซี่ ส่วนต่างจังหวัดส่งรถทัวร์ค่าส่ง 100-600 บาท รถตู้ 80-300 บาท ขนส่งเอกชน 80-500 บาท รถไฟ เครื่องบิน 150-500 บาท

การจัดส่งสินค้า คุณบูมมีเทคนิคมัดใจ ต้องส่งไว ส่งเร็ว ส่งในสภาพสมบูรณ์ ในกรณีเป็นอาหาร ขนม ที่ต้องการความเย็นจะถูกใส่น้ำแข็งแห้งลงไปด้วย เช่น โดนัทคริสปี้ครีมเพื่อช่วยรักษาความสดให้ต่อสู้กับสภาพอากาศที่ร้อนจนกว่าจะถึงมือลูกค้า กรณีเป็นเครื่องดื่มขวดแก้วจะถูกแพ็กกันกระแทก เค้กปอนด์หน้าสวยๆ มีเทคนิคแพ็กไม่ให้เละ จะส่งทางรถทัวร์กับรถตู้เท่านั้น เพราะหน้าขนมมันจะละลายง่าย อาหารอื่นๆ ส่งทางเครื่องบินภายในวันเดียวรอรับประทานได้เลย

"หัวใจสำคัญของงานบริการดังกล่าวคือ ความไว้ใจจากลูกค้า ก่อนรับงานทุกครั้งผมจะตกลงกับลูกค้าก่อนเสมอว่าทำได้ หรือทำไม่ได้ ถ้าทำไม่ได้จะบอกตรงๆ มีหลักฐานการซื้อสินค้าทุกครั้ง ทั้งบิล รูปถ่าย"



คนไทยชอบกิน

ฝากซื้อขนม อาหารเยอะสุด


ปัจจุบัน บริการที่ลูกค้าเรียกใช้มากที่สุด ชายหนุ่ม ระบุว่า ไปซื้อขนม อาหารสด เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง เพราะ 90 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าเป็นผู้หญิง ห้างสรรพสินค้าที่ไปบ่อยมากที่สุดคือ สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ เยาวราช ตลาดสำเพ็ง พาหุรัด สะพานเหล็ก ตลาดจตุจักร ประตูน้ำ

สำหรับจำนวนลูกค้าในแต่ละวัน ลำพังคุณบูมเขารับได้ 4-5 ราย หรือบางครั้งสูงสุด 10 ราย อาศัยมีทีมงานเป็นนักเรียน นักศึกษา ลักษณะพาร์ตไทม์ รวมถึงมีวิศวกรที่อยากหารายได้พิเศษมารับจ๊อบคอยประสานงานให้ แต่ละเดือนรวมๆ กันมีลูกค้าราว 400 คน

ปัจจุบัน ช่องทางเข้าหาลูกค้าที่ชายหนุ่มเลือกใช้ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เขาใช้โซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก ไลน์ ซึ่งได้ผลตอบรับดี เพราะคุณบูมจะลงรูปภาพให้ลูกค้าใหม่ได้เห็นทุกขั้นตอนการทำงานอยู่เสมอ ส่วนลูกค้าเก่าที่ประทับใจในบริการมีการบอกต่อบ้าง

สำหรับแผนธุรกิจ หลังจากเปิด AEC คุณบูม เผยว่า จะพยายามหาช่องทางต่อยอดธุรกิจด้วยการเจาะลูกค้าต่างชาติ และลงพื้นที่ให้ทั่วกรุงเทพฯ เพราะสินค้าไทยคุณภาพดี สินค้าแปลกๆ มีอีกเยอะ เพียงแต่หลายคนยังไม่เคยเห็น อยากปลุกสินค้าของไทยให้บูมขึ้น

สนใจสอบถามบริการเพิ่มเติม คลิก www.facebook.com/boombashopping หรือ โทรศัพท์ (087) 580-7387

ที่มา
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=0738150559&srcday=&search=no

ทิ้งชีวิตคนเมือง สู่ "ไร่สุขพ่วง" เกษตรกรอายุน้อย หัวใจพอเพียง

เกษตรอินเทรนด์
สดุจตา

ทิ้งชีวิตคนเมือง สู่ "ไร่สุขพ่วง" เกษตรกรอายุน้อย หัวใจพอเพียง
"พื้นที่ไม่มาก แต่จะทำอย่างไรให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ก็ต้องนำมาแปรรูป เราจึงไม่ขายผักผลไม้สด อย่างกล้วย นำมาอบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ต้นกุยช่ายมาทำขนม ใบย่านางมาทำชา หรืออย่างอ้อย ชาวบ้านปลูกใช้พื้นที่ 10, 20 ไร่ ขายส่งให้โรงงานผลิตน้ำตาล ก็ถูกกดราคา แต่ผมเรียนรู้กระบวนการหีบอ้อย นำภูมิปัญญาบรรพบุรุษมาใช้ เพื่อทำน้ำตาลอ้อยเอง ปลูกทุกอย่างในรูปแบบอินทรีย์ จำนวนแค่ 1.5 ไร่ แต่สามารถทำรายได้เทียบเท่าคนที่ปลูกเป็นสิบๆ ไร่"

เรียนหนังสือตั้งแต่อายุราว 3 ขวบ ก้าวจบจากรั้วมหาวิทยาลัยในวัยกว่า 20 ปี จากนั้นเดินทางสู่ระบบลูกจ้าง วางกรอบชีวิตติดอยู่กับคำว่ามนุษย์เงินเดือน สร้างฐานะ ด้วยการผ่อนรถ ผ่อนบ้าน มีครอบครัว พุ่งเป้าทำงานใช้หนี้ กว่าจะหมดซึ่งหนี้สินอาจก้าวสู่วัยเกษียณ

วงจรชีวิตของคนจำนวนมากเป็นเช่นนี้ แต่ไม่ใช่กับ คุณอภิวรรษ สุขพ่วง แห่ง "ไร่สุขพ่วง"

ไม่ตามกระแส

ขอแค่พอเพียง


แม้คุณอภิวรรษจะใช้เวลาศึกษาเล่าเรียนจนจบปริญญา และทำตามกรอบของคนหมู่มากมาบ้าง คือหลังศึกษาจบ ทำงานในตำแหน่งลูกจ้าง แต่ทว่าภายในระยะเวลา 6 เดือน เขา "คิดได้" และตัดสินใจเก็บกระเป๋ามุ่งหน้ากลับบ้านเกิดอำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ซึ่งในยามนั้นเขารับตำแหน่ง "คนตกงาน"

"ตัวอย่างของคนที่เดินตามกรอบกระแสโลกมีเป็นล้านคน ใช้เวลาเรียนนับสิบปี พ่อแม่บางคนต้องขายที่ขายทาง บางคนหมดตัว พอลูกเรียนจบก็ไปทำงานให้คนอื่น ติดระบบคนเมือง ทำงานได้สักพักมีครอบครัว ซื้อบ้าน ซื้อคอนโดมิเนียม ใช้เงินเดือนผ่อน บางครั้งกว่าจะหมดก็อายุ 60 ปี ผมถามตัวเองว่าจะเดินตามรอยนี้หรือ จึงตัดสินใจกลับบ้าน ตอนนั้นคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เป็นภาระของพ่อแม่ พยายามหาทางช่วยเหลือครอบครัว"

หันมามองรายจ่ายของครอบครัว พบว่าครึ่งหนึ่งหมดไปกับสินค้าอุปโภคบริโภค จึงคิดหาทางช่วยลดรายจ่ายส่วนนี้ลงก่อน

"ผมตามแม่ไปตลาด ก็ดูเลยว่า แม่ซื้ออะไรบ้าง ข้าว ไข่ ปลา ผัก สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม ฉะนั้น ถ้าทำสิ่งนี้ขึ้นมาก็หมายความว่าไม่ต้องซื้อ ซึ่งพอผมมองย้อนไปรุ่นปู่รุ่นทวด เขาทำนามีข้าวกินทั้งปี แต่ว่าพ่อกับแม่รับราชการ ไม่ได้สานต่ออาชีพเกษตร เราต้องซื้อข้าวกินมาเป็นเวลานับสิบปี ซื้อผัก ซื้อทุกอย่าง"

จัดระบบพื้นที่ดิน

มีรายได้ไม่ขาดช่วง


พื้นที่ 25 ไร่ คือคำตอบในการลดทอนค่าใช้จ่ายหลัก แต่เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ความรู้คือสิ่งสำคัญ คุณอภิวรรษ เดินทางไปศึกษาแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง กับครูบาอาจารย์หลายท่าน โดยเฉพาะผู้ที่ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง เพื่อนำองค์ความรู้มาปรับใช้

กระทั่งได้ลงมือจริงในปี 2553 จัดการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ ได้แก่ แหล่งน้ำ (ขุดบ่อน้ำเพื่อรองรับน้ำฝนไว้ใช้ขนาดประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่) ทำแปลงนาข้าว ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง และสร้างที่อยู่อาศัย

ไม่เพียงเท่านั้น ยังเลี้ยงสัตว์บางชนิดเพื่ออาศัยผลพลอยได้ ไม่ใช่เพื่อการฆ่า อย่าง เลี้ยงปลาดุก เพื่อนำน้ำจากบ่อเลี้ยงมาทำปุ๋ยสูตรน้ำ เลี้ยงหมูเพื่อนำมูลมาทำปุ๋ยแห้ง เลี้ยงไก่เพื่อนำไข่ไก่มาประกอบอาหาร

ด้วยกระบวนการจัดการระบบอินทรีย์วิถีไทย ทำให้ไร่สุขพ่วง มีรายได้ 4 ช่วงเวลาคือ รายได้รายวัน มาจากการขายไข่ไก่ รายได้รายเดือนมาจากผัก ที่เก็บตัดแล้วนำมาแปรรูปจำหน่าย อย่างผักสลัด ผักกุยช่าย รายได้รายปีจากการปลูกข้าว และรายได้วัยเกษียณจากไม้ใหญ่ในป่าที่ปลูกขึ้น

"พื้นที่ไม่มาก แต่จะทำอย่างไรให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ก็ต้องนำมาแปรรูป เราจึงไม่ขายผักผลไม้สด อย่างกล้วย นำมาอบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ต้นกุยช่ายมาทำขนม ใบย่านางมาทำชา หรืออย่างอ้อยชาวบ้านปลูกใช้พื้นที่ 10, 20 ไร่ ขายส่งให้โรงงานผลิตน้ำตาล ก็ถูกกดราคา แต่ผมเรียนรู้กระบวนการหีบอ้อย นำภูมิปัญญาบรรพบุรุษมาใช้ เพื่อทำน้ำตาลอ้อยเอง ปลูกทุกอย่างในรูปแบบอินทรีย์ จำนวนแค่ 1.5 ไร่ แต่สามารถทำรายได้เทียบเท่าคนที่ปลูกเป็นสิบๆ ไร่" 

ปลูก แปรรูป ขาย

ทำได้เองทุกขั้นตอน


ตลาดรองรับเป็นเรื่องสำคัญต้องเข้าถึงผู้บริโภค ซึ่งคุณอภิวรรษ ว่า หากจะขายสินค้าคุณภาพ เกิดมาตรฐานเป็นที่น่าเชื่อถือ ก็ไม่ควรนำสินค้าไปปะปนกับตลาดสินค้าเคมี

"เมื่อศึกษาตลาดพบว่ามีผู้จัดตลาดนัดสินค้าสุขภาพขึ้น โดยให้ผู้ค้าตระเวนไปขายตามอาคารต่างๆ ในกรุงเทพฯ ผมจึงเลือกนำสินค้าภายใต้แบรนด์ สุขพ่วง ไปทำตลาดให้ตรงจุด นอกจากนั้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนในยุคนี้ ต้องสร้างสื่อออนไลน์ขึ้นมา เปิดเฟซบุ๊ก โดยใส่เรื่องราว และภาพให้เขารู้จักเรา และเห็นความเคลื่อนไหว"

คุณอภิวรรษ ว่า ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์เหมาะสมและดูดี ก็เป็นอีกวิธีที่จะดึงความโดดเด่นของสินค้าให้ชัดเจนขึ้น

จุดขาย 3 ประการคือ ปลูกเอง แปรรูปเอง จำหน่ายเอง ถือเป็นวิธีเข้าถึงลูกค้าได้ดีที่สุด เพราะสามารถอธิบายได้ทุกกระบวนการ เพื่อสร้างความเชื่อถือต่อลูกค้า "เราทำสินค้าโดยคิดว่านี่คือผลิตภัณฑ์ที่ลูกทำให้พ่อแม่ทาน ฉะนั้น ต้องใส่ใจทุกรายละเอียด"

สินค้าแทบทุกชนิดจากไร่สุขพ่วง จะเน้นแปรรูปก่อนจำหน่าย แม้พื้นที่ปลูกจะไม่มาก ก็สามารถสร้างความยั่งยืนให้ผลิตผลบนพื้นที่มีพอสำหรับบริโภคในครัวเรือน และจัดจำหน่าย

จากความสำเร็จของไร่สุขพ่วง ที่เริ่มต้นลงมือปลูกเพื่อสร้างความพอเพียงให้กับครอบครัว "สุขพ่วง" แต่มาในวันนี้กลับกลายเป็นสร้างธุรกิจเล็กๆ ให้เกิดขึ้น

"คำว่า เศรษฐกิจพอเพียง มีอยู่ 2 แบบคือ เศรษฐกิจพอเพียงในขั้นพื้นฐาน นั่นหมายถึง ทำเพื่อให้ครอบครัวอยู่ได้ แต่เมื่อสำเร็จขั้นนี้แล้ว ก็ไปต่อกับเศรษฐกิจพอเพียงขั้นก้าวหน้าคือ มาสู่กระบวนการสร้างธุรกิจ และเผยแพร่แบ่งปัน ซึ่งผมยืนอยู่ตรงจุดนี้แล้ว"

คุณอภิวรรษ ยังเล่าถึงบันได 9 ขั้นของคำว่า ความพอเพียง ซึ่งในข้อที่ 1-4 ถือเป็นเศรษฐกิจพอเพียงในขั้นพื้นฐาน คือ 1. พอกิน 2. พอใช้ 3. พออยู่ 4. พอร่มเย็น และเมื่อสำเร็จแล้วก็มาสู่ข้อที่ 5-9 กับเศรษฐกิจพอเพียงขั้นก้าวหน้า 5. ทำบุญ (เพื่อป้องกันมิให้เกิดความโลภ) 6. ทำทาน (แบ่งปันให้กับผู้ที่ลำบาก) 7. เก็บรักษา (ทั้งด้านภูมิปัญญา ความรู้ ประสบการณ์) 8. แปรรูป (เพื่อเพิ่มมูลค่าออกสู่ตลาด อันนำมาสู่ระบบธุรกิจ) และ 9. เผยแพร่องค์ความรู้ (ถ่ายทอดสู่ผู้อื่น)

"เมื่อผมทำสำเร็จ ครอบครัวอยู่ได้ เปลี่ยนคนตกงานให้เป็นเกษตรกรได้แล้ว ผมก็ต้องการส่งเสริมผู้อื่น ส่งต่อความรู้ จึงจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้อินทรีย์วิถีไทย (Earth Safe) โดยร่วมกับมูลนิธิรักษ์ดิน รักษ์น้ำ (Earth Safe) เปิดคอร์สการอบรมครบวงจร ตั้งแต่ ปลูกผัก ทำปุ๋ยใช้เอง ทำอาหารสัตว์ ไปจนถึงการทำตลาด" 

คนเมืองสนใจ

ปลูกผักในตะกร้า


ด้วยเพราะพื้นที่อำเภอจอมบึงประสบปัญหาทั้งดินเสื่อมโทรม ขาดแคลนน้ำ คุณอภิวรรษจึงคิดค้นการปลูกผักในภาชนะ โดยได้รับความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน จัดอบรมชาวบ้านให้สานตะกร้าจากสายรัดพลาสติกชนิดทนแดดให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู เพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้ดีในภาชนะ

นอกจากคนในพื้นที่ได้เรียนรู้การปลูกผักไว้ทานและจำหน่าย ยังส่งผลสู่บุคคลภายนอก อย่างผู้อยู่ในสังคมเมืองใหญ่ ที่มีพื้นที่อยู่อาศัยจำกัด อย่าง คอนโดมิเนียม ก็สามารถปลูกผักทานเองได้ หรือถ้าใครต้องการต่อยอดไปสร้างเป็นอาชีพ ก็สามารถดำเนินการได้

ด้วยวัยเพียง 27 ปี ถือว่ายังเป็นตัวเลขอายุน้อย แต่ทว่ากระบวนการคิด และลงมือทำ ของคุณอภิวรรษถือเป็นแบบอย่างให้กับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งการเดินสู่เส้นทางสายนี้ ไม่เพียงส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ดี มีรายได้พอเลี้ยงตนเอง แต่เหนือกว่านั้นคือ ความสุข กับการได้อยู่ในบ้านเกิด อยู่ใกล้ชิดครอบครัว โดยสร้างประโยชน์ให้กับทั้งตนเองและคนรอบข้าง

ทั้งนี้สำหรับผู้ที่ต้องการจะเดินตามวิถีเช่นนี้ คุณอภิวรรษ ว่า ยินดีสนับสนุน โดยเฉพาะในด้านองค์ความรู้ สามารถโทรศัพท์ติดต่อเข้ารับการอบรมล่วงหน้าได้ที่ โทรศัพท์ (089) 379-8950

พร้อมกันนี้ ยังได้ฝากข้อคิดสำหรับคนรุ่นใหม่ "ผมอยากให้คิดให้ได้ก่อนว่าความมั่นคงคืออะไร มันคือปัจจัย 4 ใช่หรือไม่ และถ้าที่ดินไม่มี แต่มีภูมิปัญญาก็นำภูมิปัญญามาต่อยอด ผมว่าก่อนอื่นต้องรู้จุดเริ่มก่อน เข้าใจคำว่าเศรษฐกิจพอเพียง และส่วนของความรู้ที่ร่ำเรียนมา ก็นำมาบูรณาการ

ส่วนผู้ยังคงต้องอยู่กับงานประจำ ยังก้าวออกมาไม่ได้ ก็ขอให้เรียนรู้อย่างมีสติ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทั้งหมดกับสิ่งนั้น เพื่อวันหนึ่งนำกลับไปพัฒนาบ้านเกิด กลับไปนำของเก่ามาก่อให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะ ศิลปวัฒนธรรม พืชพันธุ์ ภูมิปัญญา สิ่งเหล่านี้สามารถประยุกต์ให้เกิดความร่วมสมัยได้ ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง"

ไร่สุขพ่วง ตั้งอยู่ เลขที่ 107 หมู่ 10 ตำบลจอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี 70150 โทรศัพท์ (089) 379-8950, www.facebook.com/raisukphang


ที่มา
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 22 ฉบับที่ 397
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=0730150559&srcday=&search=no