Tuesday, November 28, 2023

เงินดิจิทัล 10000 บาท เริ่ม พ.ค. 67 นี้

 เปิดรายละเอียดโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท แจกอายุ 16 ปี ขึ้นไป ให้เฉพาะเงินเดือนต่ำกว่า 7 หมื่น มีเงินฝากรวมกันทุกบัญชีไม่เกิน 5 แสน ใช้จ่ายผ่านแอปฯเป๋าตัง ร้านค้า-ผู้ใช้ต้องลงทะเบียน ซื้อได้เฉพาะสิ้นค้าอุปโภคบริโภค ใช้ออนไลน์ จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ซื้อทอง เพชร ไม่ได้ เริ่ม พ.ค. 67-เม.ย. 70

วันที่ 10 พ.ย. 2566 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ดัชนีความไม่เท่าเทียม คนรวยและคนจนมีความเหลื่อมล้ำต่างกัน 9 เท่า การลงทุนน้อยลง ถือเป็นวิกฤติเศรษฐกิจที่ต้องได้รับการแก้ไข โดยรัฐบาลนี้ตระหนักดีว่าเราอยู่ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ รวมถึงยังมีสงครามรัสเซีย-ยูเครน และ อิสราเอล-ฮามาส ทำให้ตลาดทั่วโลกได้รับผลกระทบเศรษฐกิจถดถอย ส่วนไทยเจอภาวะเม็ดเงินเหือดหาย แถมซ้ำเติมด้วยการเติบโตเศรษฐกิจใต้ดิน ทำให้เก็บภาษีไม่ได้ หากไม่เติมเม็ดเงินใหม่เข้าไป จะไม่มีเงินหมุนเวียนเพียงพอ การใช้จ่ายจะไม่เพียงพอ จะทำให้เศรษฐกิจถดถอยลงไปอีก เมื่อเติมเงินในกระเป๋าประชาชนจะทำให้การค้าขายคึกคัก ธุรกิจเล็กๆ จะค่อยๆ เติบโต หนี้สินจะหายไป โดยหลังจากวิกฤติต้มยำกุ้งเคยทำมาแล้ว ด้วยการส่งเสริมการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ เพื่อเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนควบคู่การส่งออก จนสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ 

นายกฯ ยืนยันว่า นโยบายการอัดฉีดเงินไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เพราะหลายประเทศก็ทำ เช่น ญี่ปุ่น โดยทุกรัฐบาลมีความหวังจะต้องการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ เหมือนที่รัฐบาลไทยทำในการอัดฉีดเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นโยบายนี้คือการอัดฉีดให้เข้าไปให้ถึงทุกพื้นที่ ให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย หมุนเวียนในระยะเวลาอันรวดเร็ว 

“เงินทั้งหมดในโครงการนี้ จะถูกส่งตรงไปยังประชาชนทุกคน ที่ผ่านเงื่อนไข เข้าไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัล ขอบเขตการใช้งานจะทำแค่ในร้านค้า ที่อยู่ในอำเภอเดียวกับบัตรประชาชนของท่าน ย้ำนะครับ อำเภอ ซึ่งปรับขยายตามความเห็นของทุกภาคส่วน และต้องจ่ายเงินแบบ Face to Face (ต่อหน้า) และหากไม่ได้ใช้สิทธิที่เหลือก็จะถูกยกเลิกไปโดยอัตโนมัติ และเงินจะใช้ได้ถึง เมษายน 2570”

นายกฯ กล่าวต่อว่า เงินก้อนนี้ไม่ได้มาจากการสร้างเงิน เสกเงิน พิมพ์เงิน ไม่ได้เขียนโปรแกรมสร้างเงินเหมือน cryptocurrency และนำไปเทรดแลกเงินเพื่อเกร็งกำไรก็ไม่ได้ เงินนี้มีที่มาจากเงินบาท ที่มีเงื่อนไขการใช้งาน เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจสูงกว่าการอัดฉีดที่ผ่านมา ฉะนั้น เงิน 1 บาท คือ 1 บาทในกระเป๋า ร้านค้าและประชาชนต้องยืนยันรับสิทธิ

เงินดิจิทัล 10,000 ซื้ออะไรได้บ้าง 

"เรื่องของเงื่อนไข ซื้ออะไรได้ ไม่ได้ ผมขอพูดตรงนี้ให้ชัด

  • ประชาชนจะสามารถจะใช้ซื้อสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภคได้เท่านั้น 
  • ไม่สามารถใช้กับบริการได้ 
  • ไม่สามารถใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ได้
  • ไม่สามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม และผลิตภัณฑ์จากกัญชาและพืชกระท่อม
  • ไม่สามารถนำไปซื้อบัตรกำนัล บัตรเงินสด ทองคำ เพชร พลอย อัญมณีได้
  • ไม่สามารถนำไปชำระหนี้ได้ 
  • ไม่สามารถจ่ายค่าเรียน ค่าเทอม ได้
  • ไม่สามารถนำไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หรือซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติได้
  • แลกเป็นเงินสดไม่ได้ แลกเปลี่ยนในตลาดต่างๆ ไม่ได้

เรื่องประเภทร้านค้า 

  • ขอชี้แจงให้ชัดว่าใช้ซื้อสินค้าได้ทุกร้านค้า ไม่ได้จำกัดแต่ร้านที่อยู่ในระบบภาษี
  • ไม่จำเป็นต้องจด VAT
  • ร้านค้ารถเข็น ร้านโชห่วย ร้านค้าที่อยู่บนแอปเป๋าตัง ใช้ได้หมด แต่ต้องมีการลงทะเบียนรับสิทธิ และร้านค้าที่จะขึ้นเงินได้ต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น"นายกฯ กล่าวต่อว่า การจับจ่ายใช้สอยจะต้องเริ่มต้นที่ชุมชนก่อนเสมอ เงินตรงนี้จะเป็นการกอบกู้เศรษฐกิจ ซึ่งจะนำมาซึ่งการลงทุนในภาคประชาชน ทั้งเรื่องการประกอบการอาชีพ ของพ่อค้าแม่ค้า ไปจนถึงเอสเอ็มอี และโรงงานขนาดใหญ่ ยืนยันว่าโครงการนี้ไม่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อ เพราะไทยมีอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำอยู่แล้ว ทั้งนี้รัฐบาลปรับเปลี่ยนเงื่อนไขให้เหมาะสมกับการรับฟังความคิดเห็น 

    “การปรับปรุงเป็นเงื่อนไขใหม่ โดยให้สิทธิกับเฉพาะผู้ที่มีเงินเดือนไม่ถึง 70,000 บาท และ มีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท แปลว่า ถ้าเงินเดือนคุณเกิน 70,000 บาท ก็จะไม่ได้รับสิทธิ ถึงแม้ว่าเงินฝากคุณจะมีไม่ถึง 500,000 ก็ตาม และในขณะเดียวกัน ถ้าเงินฝากคุณเกิน 500,000 แต่เงินเดือนไม่ถึง 70,000 ก็จะไม่ได้รับสิทธินี้เช่นกัน”

    นายกฯ กล่าวว่า เงินในส่วนที่เหลือของโครงการ รัฐบาลจะนำมาใส่ในกองทุนเพื่อลงทุนพัฒนาประเทศ เช่น กองทุนเพิ่มขีดความสามารถ ซึ่งบริหารและดูแลโดย คณะกรรมการฯ ที่มี BOI เป็นผู้จัดการ ส่วนคนที่ไม่ได้รับสิทธิ รัฐบาลจะออกโครงการ e-Refund  ซึ่งประชาชนจะได้รับภาษีคืนจากการจับจ่ายสินค้าและบริการรวมมูลค่าไม่เกิน 50,000 บาท จากร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี และเฉพาะที่ออกใบกำกับภาษีในรูปแบบ electronics เท่านั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่จูงใจให้ร้านค้าเข้าสู่ระบบภาษีดิจิทัลมากขึ้น มุ่งไปสู่การเป็น e-Government ในอนาคต

    ขณะที่เรื่องของที่มาที่ไปของ เลข 70,000 และ 500,000 บาท มาจากการพิจารณาจากฐานข้อมูลของกระทรวงการคลัง ทำให้กลั่นกรองผู้ได้รับสิทธิในโครงการ Digital Wallet เหลือประมาณ 50 ล้านคน และจะใช้วงเงินในโครงการนี้เหลือเพียงประมาณ 5 แสนล้านบาท ส่วนเงินอีก 100,000 ล้านบาท จะสามารถนำใช้ในการผลักดันต่อยอดอุตสาหกรรมใหม่ๆ โครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ของประเทศได้ เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมดิจิทัล การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การพัฒนาบุคลากรและการศึกษา เป็นต้น

  • ที่มา ไทยรัฐ

7 อาชีพที่ตลาดแรงงานต้องการสูงสายงานไหนน่าจับตาในอนาคต

 เปิดโผอาชีพมาแรงที่ตลาดแรงงานต้องการสูงในปัจจุบัน

โลกเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของยุคปัจจุบันและกำลังสานต่อไปถึงอนาคต คนบนโลกต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานที่กำลังปรับเปลี่ยนทิศทางไปหลายรูปแบบ หลายคนกำลังมองโอกาสเพิ่มเติมทักษะที่จำเป็นเพื่อให้สอดคล้องกับอาชีพที่ตลาดแรงงานต้องการสูง และเกิดอาชีพใหม่ ๆ อีกมากเรียนจบมาไม่ตกงาน ช่วยให้เราทำงานสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่คือ 7 อาชีพมาแรงในปัจจุบัน

1.อาชีพด้านงานขาย

งานขายและการตลาดมาแรงไม่มีตกสายงานนี้ติดอันดับท็อปเพราะมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคช่วยกระตุ้นยอดขายของธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น พนักงานขายหน้าร้าน, พนักงานขายทางโทรศัพท์, พนักงานขายออนไลน์ และงานขายประกัน เป็นต้น

2.อาชีพด้านไอที 

ธุรกิจด้านไอทีและดิจิทัลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ สายไอทีมืออาชีพมีหลากหลายตำแหน่งงานให้เลือก เช่น โปรแกรมเมอร์, นักพัฒนาซอฟต์แวร์, ผู้ดูแลระบบ, เว็บดีไซเนอร์, นักพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์, นักพัฒนา Mobile application เรียกว่าเป็นอาชีพที่ต่อยอดไปสายงานที่ใกล้เคียงได้ 

3.อาชีพด้านวิศวกร 

กลุ่มอาชีพสาขาวิศวกรรมเงินเดือนและผลตอบแทนดี มีโอกาสก้าวหน้าสูง มีหลายสาขาให้เลือกเรียนด้วยตั้งแต่วิศวกรรมซอฟต์แวร์, วิศวกรรมอัตโนมัติและหุ่นยนต์, วิศวกรรมพลังงานทดแทน, วิศวกรรมชีวการแพทย์, วิศวกรรมไฟฟ้า, วิศวกรรมเครื่องกล ฯลฯ

4.อาชีพด้านบัญชีและการเงิน 

เทรนด์อาชีพในอนาคต สำหรับคนจบสายบัญชีและการเงิน ต้องใช้ทักษะและความสามารถด้านการดูแลทำบัญชี เงินเดือนของพนักงาน ประกันสังคม และระบบภาษี นับเป็นอาชีพยอดฮิตสำหรับเด็กสายบัญชี อาจต่อยอดไปถึงอาชีพอื่น เช่น โบรกเกอร์และนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นต้น

5.งานด้านขนส่งและโลจิสติกส์

ตลาดต้องการงานด้านขนส่ง โลจิสติกส์ และเดลิเวอรี่ ทำเป็นอาชีพเสริม เช่น พนักงานขับรถขนส่งสินค้าหรือไรเดอร์ส่งอาหาร ช่วยคนที่กำลังรองานได้มีเงินใช้ไม่ขาดมือ

6.นักกายภาพบำบัด

เป็นวิชาชีพทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพที่ไม่ใช่การรักษาด้วยยา ช่วยป้องกันและรักษาอาการผิดปกติของร่างกายที่เกิดขึ้นจากภาวะของโรคและสภาพร่างกาย ฟื้นฟูความเสื่อมสมรรถภาพหรือพิการ

7.อาชีพด้านการแพทย์และสุขภาพ

กลุ่มอาชีพในฝันสำหรับสายงานแพทย์, พยาบาล, เภสัชกร, นักกายภาพบำบัด หรือบริการด้านสุขภาพ เรียนจบมาไม่ตกงานแน่นอน เป็นที่ต้องการสูงในตลาดงานปัจจุบัน 

ส่องทิศทางอาชีพในอนาคต สายงานไหนมาแรง

เจาะลึกอาชีพที่มาแรงในอนาคต เรียนจบมามีแต่คนอยากได้ตัวซึ่งดูจากทิศทางความนิยมและแนวโน้มตกงานมีน้อยมาก

1.วิศวกรคอมพิวเตอร์ เป็นสายงานเฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ และการป้องกันระบบเน็ตเวิร์กให้ปลอดภัยและมีเสถียรภาพสูง ต้องใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ทำให้ความเสี่ยงตกงานน้อยลงตามไปด้วย 

2.นักพัฒนาแอปพลิเคชัน คนทุกวันนี้ใช้งานสมาร์ทโฟนมากขึ้น ทำให้อาชีพนักพัฒนาแอปพลิเคชันเป็นสายอาชีพที่มาแรงและใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ช้อปปิ้งออนไลน์ สั่งอาหารเดลิเวอรี่หรือเรียกรถกลับบ้าน

3.สายวิทยาศาสตร์สุขภาพ อาชีพแพทย์, พยาบาล, เภสัชกร, นักจิตวิทยาบำบัด, นักเทคนิคการแพทย์ ฯลฯ ล้วนเป็นงานที่มีความมั่นคงและเป็นที่ต้องการมาก โดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 และโรคเกิดใหม่อื่น ๆ 

4.สัตวแพทย์และร้านค้าสัตว์เลี้ยง กลุ่มอาชีพที่เกี่ยวข้องสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นสัตวแพทย์, คลินิกสัตว์เลี้ยง, ร้านตัดขนสัตว์เลี้ยง, โรงแรมสัตว์เลี้ยง หรือร้านขายของสัตว์เลี้ยง ทั้งแบบหน้าร้านหรือร้านขายของออนไลน์เป็นกลุ่มอาชีพมาแรงและเป็นที่นิยมมากขึ้นในช่วงโควิดที่คนหันมาเลี้ยงสัตว์แก้เหงา

5.เจ้าของธุรกิจ Start-Up ปัจจุบันมีบริษัทสตาร์ทอัพมากขึ้นเป็นทางเลือกของคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ เข้ามาเป็นนักลงทุนอิสระในสายงานต่าง ๆ เช่น สุขภาพ การเงิน การท่องเที่ยว การเกษตรและอาหาร อสังหาริมทรัพย์ และความบันเทิง

6.สายงานโลจิสติกส์ กลุ่มอาชีพโลจิสติกส์เติบโตมากและเป็นที่ต้องการของตลาดจากการเติบโตของร้านขายของออนไลน์, ธุรกิจ E-Commerce และกลุ่มบริษัทขนส่งไปรษณีย์

7.อาชีพ Influencer คนที่มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียลมีเดียจะสร้างสรรค์คอนเทนต์โพสต์ลงแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Blog, Instagram, Facebook, YouTube, Instagram,Twitter และ TikTok เพื่อให้ผู้ที่ติดตามจำนวนมากติดตามคล้อยตาม กลายเป็นอาชีพในฝันของคนรุ่นใหม่

ทักษะที่จำเป็น สอดคล้องกับตลาดแรงงานยุคปัจจุบันและอนาคต

คนทำงานทุกสายงานควรเรียนรู้พัฒนาทักษะใหม่ ๆ เพิ่มขีดความสามารถของตนเองมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีโอกาสได้ทำ อาชีพในอนาคตที่หลากหลายยิ่งขึ้นทักษะที่จำเป็นประกอบไปด้วย 

  • ทักษะทางภาษา ช่วยให้การทำงานราบรื่น ยิ่งเรียนรู้ภาษาสากลมากกว่า 1 ภาษาย่อมเพิ่มโอกาสการทำงานให้มากขึ้นเช่นกัน เช่น อังกฤษ, เยอรมัน, จีน และญี่ปุ่น
  • ทักษะทางการตลาด จำเป็นสำหรับงานด้านขายของและประกอบธุรกิจ ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสื่อสารทางการค้าและการตลาดเพื่อทำกำไรมากขึ้น
  • ทักษะทางเทคโนโลยี มีประโยชน์ต่อองค์กรทั้งการพัฒนาตนเอง ตั้งแต่โปรแกรม, แอปพลิเคชัน ไปจนถึงนวัตกรรมใหม่ และการทำงานออนไลน์โดยไม่ต้องเดินทางไปไหน 
  • ทักษะในการคิดและวิเคราะห์ ส่งผลดีต่อการบริหารธุรกิจให้ทำรายได้และทำกำไรสูง สามารถคิดสร้างสรรค์นวัตกรรม ตลอดจนแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ดี

แน่นอนว่าทักษะที่จำเป็นสำหรับตลาดแรงงานคือการเตรียมพร้อมตนเองให้สอดคล้องกับงานที่ทำได้ดี ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนทิศทางการทำงานและประกอบอาชีพได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดแรงงานยุคปัจจุบันและในอนาคตได้

อ้างอิง:https://www.starfishlabz.com/