Tuesday, November 2, 2021

ร้านขายอาหารเจ มังสวิรัติ ทำอย่างไรให้ยอดขายเพิ่ม! กำไรพุ่ง

 

ในยุคที่คนเริ่มตื่นตัวกับกระแสการดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้กระแสการทานอาหารเพื่อสุขภาพได้รับความนิยมตามมา  หนึ่งในนั้นก็คืออาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นแนวมังสวิรัติหรืออาหารเจ จึงเกิดร้านอาหาร 2 ประเภทนี้มากตามไปด้วยในปัจจุบัน ยิ่งโดยเฉพาะช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจ ร้านอาหารทั่วไปก็อาจจะกำลังมีแผนเปลี่ยนไปขายอาหารเจแทน ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าหากคุณคิดจะเปิดร้านอาหารเจสักร้าน เรามีเทคนิคดี ๆ อะไรบ้างที่จะช่วยทำให้ร้านที่คุณเปิดยอดขายเพิ่ม กำไรพุ่งจนฉุดไม่อยู่

ทำความเข้าใจเสียก่อนอาหารเจไม่ใช่อาหารมังสวิรัติ

ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนมาขายอาหารเจเฉพาะเทศกาลที่จะมาถึง หรือเปิดเป็นร้านขายอาหารเจแบบถาวร หากคุณคิดจะเปิดร้านอาหารเจแท้ๆ สิ่งแรกที่ต้องระวังคืออาหารเจไม่ใช่มังสวิรัติเพราะอาหารเจจะงดเว้นผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์โดยสิ้นเชิงรวมถึงผักบางชนิดเช่น กระเทียม หัวหอม กุยช่าย หรือผักที่มีกลิ่นแรง ในขณะที่มังสวิรัติจะงดเฉพาะเนื้อสัตว์เท่านั้น อย่าเผลอใส่ของต้องห้ามลงในอาหารเจเชียว เพราะคุณจะตกม้าตาย ยอดขายหดอย่างไม่รู้ตัว

ขายให้ปังฟังทางนี้ 6 กลยุทธ์พิชิตยอดขายเพิ่มกำไรร้านอาหารเจ

คิดจะเปิดร้านขายอาหารเจต้องใส่ใจให้มากเพราะส่วนเดียวที่เหมือนกับร้านอาหารทั่วไปคือ การบริหารจัดการร้านเท่านั้น แต่รายละเอียดปลีกย่อยคือสิ่งที่เจ้าของร้านต้องสนใจพิเศษ กลยุทธ์การขายที่จะทำให้ร้านอาหารเจของเราเหนือกว่าคู่แข่งมีดังนี้

1. อาหารเจรสชาติต้องอร่อย คนทานแล้วติดใจ ยอดขายก็ตามมา

ความยากของการปรุงอาหารเจให้อร่อยอยู่ที่วัตถุดิบที่ค่อนข้างจำกัด เพราะจริง ๆ แล้วสิ่งที่ชูรสอาหาร ปฏิเสธได้ยากว่าต้องมีส่วนของเนื้อสัตว์เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงผักต้องห้ามบางอย่างที่เป็นส่วนช่วยชูรสชาติในอาหารทั่วไปได้อย่างดี ภาพลักษณ์ของอาหารเจในสายตาของคนทั่วไปคือต้องมีแต่ผักและจืดชืดไร้รสชาติ แต่จริง ๆ แล้วการทำอาหารเจให้อร่อยก็มีวิธีเช่นกัน มันอยู่ที่ว่าคุณจะประยุกต์เอาอะไรมาใช้ทำอาหารเจ หรือจะรังสรรค์เมนูใดออกมา ซึ่อาหารเจสามารถทำให้รสชาติถูกปากคนไทย ทั้งเปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ดได้ หากคิดไม่ออกจริง ๆ ลองไปสังเกตการณ์ตามร้านอาหารเจเจ้าอื่นๆ ดูก่อน คุณจะพบว่าแท้จริงแล้วเมนูอาหารเจแทบไม่ต่างจากอาหารปกติเพียงแต่ไม่มีผลิตภัณฑ์ของเนื้อสัตว์เท่านั้น

2. วัตถุดิบที่ดีและมีคุณภาพ ลูกค้าอยู่ยาว ยอดขายไม่ตก

การคัดเลือกวัตถุดิบมาใช้ทำอาหารเจก็มีความสำคัญ เนื่องจากอาหารเจไม่มีเนื้อสัตว์ดังนั้นเราสามารถทดแทนโปรตีนและสารอาหารบางอย่างที่หายไป ด้วยการเลือกปรุงอาหารเจที่มีส่วนประกอบของถั่วชนิดต่างๆ เต้าหู้ วัตถุดิบเลียนแบบเนื้อสัตว์ หรือโปรตีนเกษตร สำหรับผักก็ควรเลือกใช้ผักที่มีสีสันหลากหลาย และสดใหม่เสมอ สิ่งนี้ถือเป็นจุดเด่นของอาหารเจ รวมถึงอาหารเจไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเยอะเสมอไป ลดปริมาณน้ำมัน และใส่เมนูที่หลากหลายขึ้น จะยิ่งทำให้สามารถจับกลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพได้แท้จริง

นอกจากนี้การเก็บรักษาวัตถุดิบในการปรุงอาหารเจ ก็เป็นอีกส่วนที่จำเป็น เพราะวัตถุดิบหลายๆ ชนิดในอาหารเจค่อยข้างเก็บรักษายาก อย่างถั่วทั้งหลาย ไม่ควรเก็บในที่ชื้น และต้องใช้ถั่วที่อบแห้ง ระวังเรื่องเชื้อราที่สามารถเป็นต้นเหตุของมะเร็งได้ รวมถึงอาหารเลียนแบบเนื้อสัตว์ ซึ่งทำมาจากแป้งที่ให้สารอาหารโปรตีนไม่สมบูรณ์ ทางที่ดีควรเลือกเป็นโปรตีนเกษตรแทน หรือเลือกใช้เต้าหู้ หรือพวกเห็ดชนิดต่างๆ แทน และควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เพื่อสุขภาพของผู้บริโภคทุกคน

3. รูปแบบร้านอาหารเจ ไม่จำเป็นต้องเมนูข้าวราดแกงเสมอไป

ร้านอาหารเจโดยส่วนใหญ่มักอยู่ในรูปแบบของข้าวราดแกง แต่เพื่อเพิ่มความแตกต่าง และเพิ่มตัวเลือกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มยอดขายของร้านเช่นกัน เราสามารถฉีกแนวร้านของเราได้ เช่น ทำร้านอาหารเจในรูปแบบอาหารตามสั่ง รวมถึงเมนูในร้านก็สามารถรังสรรค์ให้มีความหลากหลายได้ นอกจากเมนูข้าวราดแกง ลองเปลี่ยนเป็นเมนูขนมจีน เมนูส้มตำ เมนูสลัดโรลเพื่อเกาะเทรนด์รักสุขภาพ เมนูอาหารตะวันตกก็ดัดแปลงได้ และร้านไหนมีความสามารถด้านการทำขนม ก็ลองทำขนมเจเสริม เพิ่มยอดขายได้แน่นอน ใครที่ไม่เคยทำหรือนึกไม่ออก ลองหาข้อมูลได้ตามหนังสือ เว็บไซต์ และวีดีโอทั่วไป ซึ่งปัจจุบันก็เข้าถึงง่าย และหลากหลาย

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเรามีเมนูที่น่าสนใจแล้ว สามารถเพิ่มลูกเล่นเรียกยอดขายให้อาหารเจร้านเราได้ ด้วยการทำ Menu of the day หรือ Special menu เปลี่ยนไปในแต่ละวัน เชื่อว่าคงมีลูกค้าไม่น้อย ที่จะรอลุ้นเมนูใหม่ๆ ไปด้วย

4. มีหน้าร้านไม่พอ ต้องมีกลยุทธ์เพิ่มยอดด้วยการขายออนไลน์

แน่นอนว่าหากคิดจะเปิดร้านอาหารเจอย่างถาวร จำเป็นจะต้องมีหน้าร้านเป็นตัวเป็นตนจึงจะทำให้ลูกค้าเชื่อมั่น และเสริมบรรยากาศของร้านด้วยการตกแต่งให้ดูดี น่าสนใจมากขึ้น เชื่อว่าตอนแรกๆ ร้านอาหารเจอาจจะประสบปัญหาในเรื่องของยอดขายซักระยะ เนื่องจากหากไม่ใช่เทศกาลอาหารเจแล้ว ลูกค้าที่บริโภคอาหารเจก็จะมีวงจำกัดแคบลง แต่ก็เป็นโชคดีของร้านขายอาหารเจอย่างเราๆ ในปัจจุบัน ที่มีโลกออนไลน์ที่เป็นช่องทางการขายให้เรามากยิ่งขึ้น ดังนั้นร้านขายอาหารเจร้านไหน ที่ยังมีเพียงแค่หน้าร้านอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะเข้าถึงลูกค้า ให้เพิ่มช่องทางออนไลน์ไม่ว่าจะบน Facebook Line Twitter หรือ Instagram ในการทำโฆษณาร้านของเรา บอกตำแหน่งร้านให้ชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงร้านเราได้ถูกต้อง และที่สำคัญอย่าลืมทำอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง เพราะยุคนี้อะไรๆ ก็อยู่บนโลกออนไลน์หมดแล้ว

5. Delivery เพิ่มยอดขาย ส่งตรงอาหารของคุณถึงมือลูกค้า

กลยุทธ์เพิ่มยอดขายอาหารเจดี ๆ ที่อยากแนะนำก็คือ เมื่อคุณทำการตลาดออนไลน์แล้ว หากไม่เหนือบ่ากว่าแรง ลองพิจารณาการรับออเดอร์แล้ว Delivery ให้ลูกค้าครับ ยิ่งยุคนี้มีผู้ประกอบการหลายรายที่เข้ามาทำธุรกิจจัดส่งอาหาร Delivery ให้เลือกใช้บริการโดยที่เราไม่ต้องส่งเอง ไม่ว่าจะเป็น Line man , Foodpanda, Now, Grab Food ลองศึกษารายละเอียดเหล่านี้ดูจาก รวมบริการสั่งอาหารออนไลน์ยอดฮิต ที่คนทำธุรกิจร้านอาหารต้องรู้! กลยุทธ์การขายนี้ถือเป็นการเรียกลูกค้าให้ซื้อที่ร้านเราได้ เนื่องจากลูกค้าปัจจุบันมองหาความสะดวกสบายและไม่ต้องเสียเวลา หากร้านอาหารเจของเราแก้ปัญหานี้ได้ รับรองลูกค้าก็จะอยู่กับร้านเราไปนาน

6. บรรจุภัณฑ์ต้องมีคุณภาพ ได้มาตรฐานและปลอดภัยต่อลูกค้า

ประการสุดท้ายที่มีความสำคัญไม่แพ้หัวข้ออื่น ๆ คือบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ใส่อาหารเพราะไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหน้าร้านที่ซื้อกลับบ้านหรือลูกค้าออนไลน์ที่สั่งทาง Delivery ก็ตามเจ้าของร้านควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานการผลิตและที่สำคัญบรรจุภัณฑ์ต้องปลอดภัยเหมาะกับการนำมาใช้บรรจุอาหาร ต้องเป็นบรรจุภัณฑ์ Food Grade เท่านั้น รวมถึงต้องเหมาะกับประเภทอาหาร และใช้ทานได้ง่าย อย่าง กล่องพลาสติก 3 หลุม กล่องพลาสติก 2 หลุม

สำหรับร้านอาหารเจที่อยากเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่รักษ์โลกด้วย ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ทำลายสภาพแวดล้อม เพราะจะยิ่งส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ร้าน ทำให้คนกินอาหารเจที่ร้านเรา ได้ทั้งอิ่มท้อง ได้ทั้งอิ่มบุญ แถมได้ดูแลสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์บรรจุอาหารที่นิยมใช้กันมากตามร้านอาหารได้แก่บรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย หรือกล่องเยื่อธรรมชาติ ยิ่งพิถีพิถันในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ยิ่งแสดงออกถึงการใส่ใจต่อลูกค้า

การทำร้านอาหารเจให้ยอดขายทะยานกำไรพุ่งกระฉูดไม่ยากอย่างที่คิด แค่มีความตั้งใจขั้นการเลือกวัตถุดิบ การปรุง ผสานกับกลยุทธ์เพิ่มยอดขายดี ๆ ร้านอาหารเจที่คุณเปิดก็มีโอกาสประสบความสำเร็จดั่งใจหวัง และการมีตัวช่วยดี ๆ อย่างบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพียงเท่านี้กำไรของคุณก็พุ่งกระฉูดแล้วครับ

เจ้าของร้านอาหารที่สนใจบรรจุภัณฑ์คุณภาพ หรืออุปกรณ์ในการทำร้านอาหาร สามารถเข้ามาเลือกซื้อได้ที่ออฟฟิศเมท เรามีบริการจัดส่งให้ฟรีเมื่อช้อปครบ 499 บาท อีกด้วย ไม่เสียเวลา และช้อปได้ตลอด 24 ชั่วโมง


https://www.officemate.co.th/

Sunday, October 31, 2021

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนพฤศจิกายน 2564 มีเงินเข้าเพิ่มอีก เช็กบัตรคนจนโอนวันไหนบ้าง

 วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

 ภาพจาก Neptunestock / Shutterstock.com

วงเงินซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค คนละ 200-300 บาท/เดือน

          ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ทุกคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

  • กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ได้รับ 300 บาท/เดือน 
  • กลุ่มที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท ได้รับ 200 บาท/เดือน 

โครงการเพิ่มกำลังซื้อ คนละ 500 บาท/เดือน

           ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ทุกคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเงินช่วยเหลือในโครงการเพิ่มกำลังซื้อจากเดิม 200 บาท/เดือน (ในเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2564) เป็น 500 บาท/เดือน (ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564) โดยไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้ และไม่สามารถสะสมยอดไว้ในเดือนถัดไป

ค่ารถโดยสารสาธารณะ

          ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ทุกคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้) แบ่งเป็น

  • ค่าโดยสารรถเมล์ รถไฟฟ้า 500 บาท/เดือน (ใช้ชำระค่าโดยสารด้วยระบบ e-Ticket เฉพาะผู้ถือบัตรใน 7 จังหวัด คือ กทม., นนทบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร และนครปฐม)
  • ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาท/เดือน
  • ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาท/เดือน

วงเงินซื้อก๊าซหุงต้ม 55 บาท/3 เดือน

          ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ทุกคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้)

          วงเงินซื้อก๊าซหุงต้ม ปรับเพิ่มจากเดิม 45 บาท/3 เดือน เป็น 55 บาท/3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นไป ใช้สำหรับเป็นส่วนลดในการซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการที่ได้รับเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่องรูดบัตร EDC) โดยเงินจะเข้าบัตรทุก 3 เดือน แต่หากไม่ได้ใช้สิทธิ์ภายใน 3 เดือน จะถูกตัดยอดเงินไป

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2564
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาท/เดือน/ครัวเรือน

          ครม. มีมติให้ต่ออายุมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐออกไปอีก 12 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 - กันยายน 2565 และเพิ่มวงเงินช่วยเหลือ จากเดิม 230 บาท เป็น 315 บาท

  • กรณีใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย/เดือน ติดต่อกัน 3 เดือน ให้ใช้สิทธิ์ค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน
  • กรณีใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วย/เดือน ให้ใช้สิทธิ์ตามมาตรการนี้ในวงเงิน 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน
  • กรณีที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วย/เดือน ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าไฟฟ้าเองทั้งหมด

          ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด และได้ลงทะเบียนรับสิทธิ์เรียบร้อย (ถ้าเคยลงทะเบียนแล้วสามารถใช้สิทธิ์ได้ทันที ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่)

วิธีลงทะเบียน

ค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาท/เดือน/ครัวเรือน

          ต่ออายุให้จากมาตรการเดิม โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท/เดือน/ครัวเรือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 - กันยายน 2565 (สำหรับใบแจ้งค่าน้ำเดือนพฤศจิกายน 2564 - ตุลาคม 2565)   

  • กรณีใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท จะได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท โดยส่วนเกินต้องชำระเอง
  • กรณีใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าประปาเองทั้งหมด

          ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ครัวเรือนที่ใช้น้ำประปาไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด และได้ลงทะเบียนรับสิทธิ์เรียบร้อย (ถ้าเคยลงทะเบียนแล้วสามารถใช้สิทธิ์ได้ทันที ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่)

วิธีลงทะเบียน

          หมายเหตุ : ต้องนำใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าและใบแจ้งหนี้ค่าน้ำประปาไปชำระเงินตามปกติก่อน จากนั้นหน่วยงานจะส่งรายชื่อผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาในวงเงินที่กำหนดให้กรมบัญชีกลาง สั่งจ่ายเงินคืนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่อง e-Money ของเดือนถัดไป

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2564

เงินช่วยเหลือผู้พิการ 200 บาท

          ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ตามปกติผู้พิการที่ขึ้นทะเบียนจะได้รับการโอนเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท/เดือน เข้าบัญชีธนาคาร อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 - กันยายน 2565 ครม. มีมติให้เพิ่มเบี้ยความพิการอีก 200 บาท รวมเป็น 1,000 บาท/เดือน สำหรับผู้พิการที่อายุ 18 ปีขึ้นไป และมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยจะแบ่งจ่ายดังนี้

  • 800 บาท : โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเหมือนเดิม ทุกวันที่ 10 ของเดือน

  • เงินเพิ่มเติมอีก 200 บาท จากกองทุนประชารัฐ : จ่ายเข้ากระเป๋าเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเงินจะเข้าบัญชีวันที่ 22 ของทุกเดือน 

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

           หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถสอบถามได้ที่ Call Center บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โทร. 0 2109 2345 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-17.30 น. หรือที่กรมบัญชีกลาง โทร. 0 2270 6400 ในวัน-เวลาราชการ

https://money.kapook.com/

เปิดลงทะเบียนคนละครึ่ง เฟส 3 อีก 1 แสนสิทธิ เริ่ม 1 พ.ย. รีบก่อนหมด รับทันที 4,500 บาท

 เปิดลงทะเบียนคนละครึ่ง เฟส 3 อีก 1 แสนสิทธิ เป็นสิทธิตกค้างจากคนที่ลงทะเบียนไม่สำเร็จ เริ่ม 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป พร้อมกับเพิ่มเงินอีก 1,500 บาท เป็น 4,500 บาท


คนละครึ่ง เฟส 3
ภาพจาก Quality Stock Arts / Shutterstock.com

          ในบรรดาโครงการเยียวยาจากทางรัฐบาลที่คลอดออกมานับตั้งแต่มีโควิด 19 ไม่ว่าจะเป็น เราไม่ทิ้งกันเราชนะเราเที่ยวด้วยกันม.33 เรารักกัน, โครงการเหล่านี้ล้วนได้รับความสนใจจากประชาชน แต่มีหนึ่งโครงการที่สามารถเรียกได้ว่า ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามเป็นอันดับ 1 นั่นคือ คนละครึ่ง เฟส 3 ซึ่งมีคนลงทะเบียนกว่า 28 ล้านคน และในตอนนี้ก็ไม่สามารถลงทะเบียนได้แล้วเพราะโควตาเต็ม

          ล่าสุด (29 ตุลาคม 2564) กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตอนนี้มีคนลงทะเบียนคนละครึ่ง เฟส 3 เต็มจำนวนที่ 28 ล้านสิทธิ ต่อมาทางกระทรวงการคลังจึงมีการประมวลผลหลังบ้าน พบว่า มีคนลงทะเบียนไม่สำเร็จจำนวน 119,974 สิทธิ

          ดังนั้น จะมีการนำสิทธิที่เหลือมาเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนอีกครั้ง วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ตั้งแต่เวลา 06.00 - 23.00 น. ของทุกวัน จนกว่าจะครบโควตา

คนละครึ่ง เฟส 3
ภาพจาก Kokasea / Shutterstock.com


นอกจากลงทะเบียนใหม่ 1 แสน ยังมีเพิ่มเงินด้วย


          ขณะเดียวกัน ประชาชนคนใดที่ร่วมโครงการคนละครึ่งอยู่แล้ว รัฐบาลจะมีการเพิ่มวงเงินสนับสนุนอีก 1,500 บาท ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ทำให้วงเงินสนับสนุนทั้งหมด จะได้คนละ 4,500 บาท

          ส่วนคนที่ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 จะได้เงินเป็นก้อนเดียวที่ 4,500 บาทในทันที โดยโครงการนี้ สามารถใช้จ่ายได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีเงื่อนไขคือ ใช้จ่ายไม่เกินวันละ 300 บาท (ทั้งเงินเรา เงินรัฐบาล)


ระบบฟู้ดเดลิเวอรี่ มีเพิ่มอีก 1 แพลตฟอร์ม


          เดิมนั้นระบบเดลิเวอรี่ จะใช้ได้แค่ 2 บริษัท คือ Grab กับ Lineman แต่ตอนนี้ มีการอนุมัติบริษัทเดลิเวอรี่อีก 1 ราย นั่นคือ True Food ทำให้ตอนนี้ มีผู้ให้บริการในระบบเดลิเวอรี่ 3 บริษัท


สำหรับวิธีลงทะเบียนคนละครึ่ง และวิธีสั่งอาหารเดลิเวอรี่


          ท่านที่ต้องการลงทะเบียนคนละครึ่ง หรือต้องการสั่งอาหาร สามารถศึกษาได้จากลิงก์ข้างล่างนี้
         
          ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 3 ทำอย่างไร - ใครมีสิทธิ์ได้บ้าง เช็กที่นี่ 
          คนละครึ่ง เฟส 3 วิธีสั่งอาหารเดลิเวอรี่ทำยังไง ใช้กับแอปฯ อะไรบ้าง เช็กเงื่อนไขเลย !


ขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ
https://money.kapook.com/

60 งานทำที่บ้านก็ดี เป็นอาชีพเสริมก็รวย อาชีพหลักก็ปัง

 งานทำที่บ้านในยุค Work from Home แบบนี้ มีให้เลือกมากมาย จะทำงานที่บ้านเป็นงานประจำ หรืออาชีพเสริมก็ได้ ขอแค่ขยันก็ไม่มีทางอับจนแน่ ๆ


งานทำที่บ้าน

           หากใครเบื่อความเป็นมนุษย์ออฟฟิศ อยากเป็นฟรีแลนซ์ เลยกำลังมองหางานทำที่บ้าน หรือบางคนอาจอยากเพิ่มรายได้จากงานประจำ ด้วยการทำอาชีพเสริม ที่ไม่สะเทือนงานหลักควบคู่กันไป วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีงานทำที่บ้านก็ดี เป็นอาชีพเสริมก็รวย หรือทำยาว ๆ เป็นอาชีพหลักก็ปังมาให้เลือกตามนี้

-------งานทำที่บ้าน สำหรับคนชอบขายของ-------

1. ขายอาหาร / รับทำข้าวกล่อง  

ขายอาหาร

          หากใจรักการทำกับข้าวและมีฝีมือปลายจวัก ลองทำอาหารขายทางออนไลน์ หรือรับทำข้าวกล่องให้คนนำไปขายต่อ หรือส่งตามบ้าน ตามงานประชุมต่าง ๆ อีกทางก็ได้ ถ้ายังไม่รู้ว่าจะขายอาหารอะไรดี ลองดูไอเดียข้างล่างนี้
2. ขายขนม  

ขายขนม

          ฝึกปรือฝีมือจนเข้าที่แล้ว ก็ลองทำขนมขายผ่านออนไลน์ดู โดยช่วงแรกอาจจะรับทำตามออเดอร์ไปก่อน เพื่อดูฐานลูกค้าว่าชื่นชอบขนมประเภทไหนเป็นพิเศษ หรือจะรับทำขนมเฉพาะในวันสำคัญ ๆ และในช่วงเทศกาลจะได้ไม่เหนื่อยมาก เรามีไอเดียมาแนะนำ
3. ขายของออนไลน์ / ขายของมือสองออนไลน์

ขายของออนไลน์

          พวกของกิน ของใช้ เสื้อผ้ามักขายดีอันดับต้น ๆ จะลองหาสินค้ามือใหม่ที่มีคุณภาพมาประกาศขายผ่านช่องทางโซเชียลต่าง ๆ เช่น ไลฟ์สด หรือโพสต์ตามเพจ ตามแอปพลิเคชันขายของ หรือจะค้นหาข้าวของในบ้านมาลงขายเป็นมือสองก็ได้ แต่ถ้าเพิ่งเริ่มเปิดร้านก็อย่าเพิ่งสต็อกสินค้าไว้เยอะ เพราะการขายของออนไลน์ในยุคนี้มีคู่แข่งเยอะ ไม่ใช่ว่าจะขายได้ง่าย ๆ เหมือนกัน

4. ตัวแทนจำหน่าย (Dropship)

          สำหรับคนที่อยากขายของออนไลน์แต่ไม่อยากสต็อกของ แนะนำให้สมัครเป็นตัวแทนจำหน่าย พอมีลูกค้ามาสั่งซื้อของจากเรา เราก็แค่แจ้งไปที่ร้านค้า ผู้ผลิต หรือ Partner เพื่อให้ส่งของแทนเรา จุดนี้ทำกำไรจากส่วนต่างราคาได้แน่นอน แต่มีข้อควรระวังก็คือ ต้องเลือก Partner ที่มีคุณภาพหน่อย เพราะหากเกิดปัญหาสินค้าไม่มีคุณภาพ ส่งช้า ส่งผิด ตัวเราเองนี่แหละที่จะเสียความน่าเชื่อถือ

5. ขายภาพถ่าย/วิดีโอ

ขายภาพถ่าย

          ถ้าชอบถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ เป็นทุนเดิม และมักจะมีรูปสวย ๆ ตุนไว้ในแกลลอรี่ มี Footage น่าสนใจ ลองคัดภาพเด็ด ๆ มาขายในเว็บไซต์บ้างสิ เดี๋ยวนี้มีเว็บไซต์ให้เลือกเยอะแยะ เช่น Shutterstock, iStockphoto, Dreamstime, 123RF, Fotolia เป็นต้น

6. ตัวแทนประกัน

          เดี๋ยวนี้มีตัวแทนขายประกันภัย ประกันสุขภาพ ประกันรถยนต์ มากมาย ขายทางออนไลน์ หรือทางโทรศัพท์ก็ยังได้ ถือเป็นอาชีพเสริมที่มนุษย์เงินเดือนหลายคนทำในช่วงเวลาว่าง


-------งานทำที่บ้าน สำหรับคนชอบเขียนและแปล-------

7. เขียนบทความ / คอนเทนต์

งานทำที่บ้าน

          งานเขียนบทความมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งบทความลงเว็บไซต์ แนวให้ความรู้ How to บทความวิชาการ งานวิจัย บทสัมภาษณ์ บทโฆษณา บทกวี การ์ตูน นิทาน บทภาพยนตร์ สคริปต์ต่าง ๆ ฯลฯ ซึ่งรับงานผ่านออนไลน์ได้ตลอดเวลา ค่าจ้างก็ขึ้นอยู่กับความยาก-ง่าย หากเป็นบทความภาษาต่างประเทศ บทความวิชาการ วิจัย ทำรายงานที่ต้องรวบรวมข้อมูล ราคาก็สูงขึ้น

8. เขียนนิยายออนไลน์

          ใครมั่นใจในจินตนาการของตัวเองและเขียนถ่ายทอดเรื่องราวได้น่าอ่าน ชวนติดตาม คุณสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการเขียนนิยายออนไลน์ หรือเรื่องสั้นออนไลน์ได้ไม่ยาก เชื่อเถอะว่ามีคนรอติดตามอ่านอยู่ไม่ใช่น้อย ๆ

9. เขียนหนังสือ / เขียน E-Book ขาย

          อีกหนึ่งวิธีหาเงินสำหรับคนชอบเขียน คุณสามารถเลือกเรื่องที่ตัวเองถนัดและสนใจมาร้อยเรียงเป็นเล่มแล้วตีพิมพ์เป็นหนังสือ หรือขายในรูปแบบ E-Book ผ่านร้านหนังสือออนไลน์ อย่าง Ookbee, Mebmarket, Ebooks.in.th ก็ง่ายดี ยิ่งมียอดดาวน์โหลดสูง ก็ยิ่งได้ส่วนแบ่งมากขึ้น

10. นักแปล


งานทำที่บ้าน

          โดยเฉพาะหากมีทักษะภาษาที่ 3 ที่ 4 งานแปลจะสร้างรายได้งาม ๆ ให้คุณเลยล่ะ และแน่นอนว่าเราสามารถรับงานแปลมาทำที่บ้านได้ ไม่ว่าจะแปลหนังสือ เอกสาร งานวิจัย คลิปวิดีโอ หรือซีรีส์ รายได้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณและความยากของงาน
 
11. งานพิสูจน์อักษร

          อาจมีนักเขียนหลายท่านที่ต้องการคนมาช่วยตรวจทวนงานเขียนของเขาให้เป๊ะที่สุดก่อนส่งไปถึงมือสำนักพิมพ์ หรือร้านหนังสือออนไลน์ เพื่อความผิดพลาดน้อยที่สุด

12. รับตรวจไวยากรณ์

          หากคุณเก่งภาษาอังกฤษ หรือภาษาต่างประเทศอื่น ๆ มั่นใจว่าแกรมม่าเป๊ะ ไวยากรณ์แม่น รีบประกาศรับงานตรวจเช็กแกรมม่า พร้อมเกลาสำนวนให้สละสลวยเป็นรายได้เสริม ได้เลย ซึ่งรับงานได้หลากหลาย ทั้งบทความ Essay งานวิจัย วิทยานิพนธ์ แผนธุรกิจ รายงานประจำปี จดหมายต่าง ๆ 

13. คีย์ข้อมูล / รับพิมพ์งาน

งานทำที่บ้าน

          หลายบ้านมีอุปกรณ์ครบทั้งคอมพิวเตอร์ เครื่องพรินเตอร์ อินเทอร์เน็ต อยู่แล้ว ก็รับพิมพ์งาน หรือจะนั่งคีย์ข้อมูลตามที่มีคนว่าจ้างก็ได้ ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก อาศัยแค่ทักษะในการพิมพ์ก็สามารถทำเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมที่บ้านได้สบาย

14. รับถอดเทป ถอดเสียงบรรยาย

          ประชุมแต่ละครั้งก็กินเวลานานหลายชั่วโมง จะให้ถอดเทปเองก็คงไม่มีเวลา อาชีพรับถอดเทป ถอดเสียงจากเทปจึงเป็นช่องทางสร้างอาชีพที่น่าสนใจ ส่วนใหญ่คิดค่าจ้างเริ่มต้นชั่วโมงละ 400-500 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพไฟล์เสียงที่อัดมา ความยาวของเนื้อหา ภาษาที่ใช้ รวมทั้งเวลาที่ต้องการรับงาน หากเป็นงานเร่งด่วน ต้องการเร็ว เป็นภาษาต่างประเทศ หรือให้สรุปเนื้อหามาให้ด้วย ก็ยังอัปราคาขึ้นได้อีกหลายเท่า

15. รับทำซับไตเติล

           หน้าที่หลัก ๆ ก็คือแปลภาษา ถอดเสียงออกมาเป็นตัวอักษร แต่ถ้าจะให้ครบวงจรก็อาจรับฝังซับไตเติลลงในวิดีโอไปด้วยเลย รับทรัพย์ได้ 2 ต่อ


-------งานทำที่บ้าน ประเภทงานการตลาด/สื่อออนไลน์-------

16. ตอบแบบสอบถามออนไลน์

          เดี๋ยวนี้มีเว็บไซต์ทำแบบสำรวจออนไลน์เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการตอบแบบสอบถามเพื่องานโฆษณา งานวิจัยต่าง ๆ ซึ่งต้องการทราบพฤติกรรมและความคิดเห็นของคนทั่วไป ถ้ามีเวลาและมีความอดทนสักหน่อยก็สามารถเข้าไปนั่งกรอกแบบสอบถามหารายได้เสริมวันหยุดได้เลย

17. เขียนรีวิวสินค้า โฆษณา แคปชั่น

          ในยุคที่โฆษณาครองเมือง งานเขียนรีวิวสินค้า ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว หรือโพสต์แคปชั่นโดน ๆ ให้คนติดตาม จะช่วยกระตุ้นให้คนจดจำได้ดี และยังมีโอกาสทำเงินได้เพิ่มขึ้น ถ้าเราสามารถถ่ายภาพสินค้า พร้อมกับจัดวางเลย์เอาท์ หรือตกแต่งภาพ ทำกราฟิกประกอบบทความได้ครบเซต

18. บล็อกเกอร์ / Vlogger / ยูทูบเบอร์ / Influencer

รีวิวสินค้า

          ไม่ว่าจะเป็นบล็อก เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ช่องยูทูบ สิ่งเหล่านี้จะสร้างรายได้อย่างมหาศาล ถ้าคุณมีความชอบและถนัดเรื่องไหนเป็นพิเศษ สามารถครีเอตคอนเทนต์แล้วนำเสนอในสไตล์ของตัวเองได้อย่างน่าสนใจ ทั้งยอดผู้ชมในยูทูบ และยอดคนติดตามที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จะทำเงินให้เรา ยังไม่รวมถึงรายได้จากสปอนเซอร์ที่มีโอกาสเข้ามาลงโฆษณา หรือจ้างให้ช่วยรีวิวสินค้าด้วยนะ

19. จัดรายการ Podcast

          ใครมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พูดเก่ง และชอบเล่าเรื่องราวผ่านน้ำเสียงแทนการเขียนเป็นตัวหนังสือ จะจัดรายการ Podcast ของตัวเองก็ได้ แต่ต้องอดทนหน่อย เพราะไม่ใช่ว่าทำปุ๊บได้เงินปั๊บ จะต้องมีใจรักที่จะทำไปเรื่อย ๆ จนมีผู้ติดตามฟังรายการของเราจำนวนมาก ๆ เมื่อนั้นก็จะมีสปอนเซอร์ หรือโฆษณาเข้ามาเอง

20. แอดมินเพจ / ดูแลร้านค้าออนไลน์

          ร้านค้าออนไลน์ และบริการต่าง ๆ ที่มีเพจ มีไลน์ มีช่องทางติดต่อทางโซเชียล ย่อมต้องการคนมาช่วยดูแลเพจ เพื่อตอบคำถามผู้ใช้บริการและลูกค้า ใครมีทักษะการใช้ภาษาดี สื่อสารให้คนเข้าใจง่าย และชอบท่องเน็ตบ่อย ๆ ก็เหมาะกับงานนี้

21. โปรโมตสินค้าผ่านออนไลน์

งานทำที่บ้าน

          พ่อค้า-แม่ค้าหลายคนไม่มีเวลาลงโฆษณาตามเว็บไซต์ หรือมีสินค้าเยอะมากจนโปรโมตไม่ไหว ก็ต้องจ้างคนมาช่วยลงภาพสินค้าโฆษณาให้ตามเว็บไซต์เฟซบุ๊ก แอปพลิเคชัน IG ยิ่งถ้าเราสามารถถ่ายภาพเองได้ หรือตกแต่งภาพให้ใหม่ ทำแบนเนอร์สวย ๆ หรือเขียนแคปชั่น เขียน SEO ให้ด้วย ย่อมถูกใจคนจ้างงานและมีโอกาสกลับมาใช้บริการอีก

22. รับยิง Ads / ทำโฆษณาออนไลน์

          เมื่อตลาดขายของออนไลน์แข่งขันกันดุเดือด อาชีพโปรโมตโพสต์ใน Facebook, Google หรือที่เรียกกันว่ารับยิง Ads ก็เป็นช่องทางทำเงินที่ได้รับความนิยมในยุคนี้ เพราะทุกร้านต่างก็อยากให้ลูกค้าเห็นสินค้าของตัวเองทั้งนั้น ถ้าฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ ยิงแอดแม่นยำตรงกลุ่มเป้าหมาย ยังสามารถนำทริกต่าง ๆ ไปเปิดคอร์สสอนยิงแอด หรือทำโฆษณาออนไลน์เป็นแหล่งรายได้อีกทางด้วยนะ

23. ทำ SEO

          อยากให้เว็บไซต์ของเราขึ้นหน้าแรกของ Google เพื่อให้คนเข้ามาอ่านมาก ๆ ก็ต้องให้มืออาชีพมาช่วยทำ SEO (Search Engine Optimization) งานนี้ได้รับค่าจ้างค่อนข้างดี แต่ก็ยากเอาการ เพราะไม่สามารถการันตีกับลูกค้าได้ว่า เว็บไซต์นั้นจะติดอันดับดี ๆ ไปได้นานแค่ไหน เนื่องจากมีปัจจัยเกี่ยวข้องมากมาย อีกทั้ง Google ก็มักปรับเงื่อนไขอยู่บ่อย ๆ ด้วย คนทำอาชีพนี้จึงต้องมีความเชี่ยวชาญมาก ๆ และรู้จักใช้วิธีการหลากหลาย ปรับเปลี่ยนให้ทันตาม Google ตลอดเวลา

24. นักการตลาดดิจิทัล / วิเคราะห์ข้อมูล

งานทำที่บ้าน

          เป็นคนที่คอยตรวจสอบ และวิเคราะห์สถิติต่าง ๆ เพื่อเพิ่มยอดผู้เข้าชมให้เว็บไซต์ หรือร้านค้าต่าง ๆ แน่นอนว่ารายได้ค่อนข้างดีทีเดียว

25. นักแคสต์เกม

          เป็นอาชีพใหม่ที่วัยรุ่นสนใจมาก เพราะทั้งสนุกและได้เงิน คนที่ไม่ได้เล่นเกมเก่งก็สามารถเป็นนักแคสต์เกมได้ ด้วยการใช้เสียงพากย์ให้โดดเด่น มีมุกขำ ๆ คอยเอ็นเตอร์เทนให้ผู้ชมรู้สึกสนุกสนาน ตื่นเต้น มีอารมณ์ร่วมไปกับเกม จะแคสต์แบบออนไลน์ หรืออัดคลิปลงยูทูบก็สามารถสร้างรายได้จากยอดผู้ชม และสปอนเซอร์ได้แล้ว

26. สตรีมเมอร์ / เกมเมอร์

อาชีพเสริมแนวใหม่

          งานนี้เหมาะกับสายเกมเมอร์ที่ชอบเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจ ฝึกฝนตัวเองจนมีฝีมือขั้นเทพ และมีคาแรกเตอร์เฉพาะตัวที่สามารถดึงดูดผู้ชมได้ คุณจะมีโอกาสสร้างรายได้จากการเล่นเกมได้ไม่น้อยเลย ซึ่งสามารถทำเงินได้จากการบริจาคของแฟนคลับ การสตรีมสด ทำช่องยูทูบ รวมทั้งพาร์ทเนอร์ที่สนับสนุน ดังนั้น ยิ่งดังก็ยิ่งรวย

27. ผู้ทดสอบแอปฯ / เว็บไซต์ (Tester)

          ก่อนที่แอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ จะให้คนทั่วไปได้ใช้งาน จะต้องผ่านการทดสอบของ Tester ซะก่อน เพื่อดูว่ามีข้อผิดพลาดจุดไหนบ้าง เช่น ฟีเจอร์ไหนช้าเกินไป ตรงไหนโหลดรูปไม่ขึ้น ฯลฯ เพื่อให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเจอกับปัญหาเหล่านี้

28. เขียนโปรแกรม เขียนเว็บไซต์ สร้างแอปพลิเคชัน

งานทำที่บ้าน

          ตลาดออนไลน์กำลังบูมมาก ๆ ดังนั้นจึงมีตำแหน่งงานนักเขียนโปรแกรมฟรีแลนซ์ หรือนักเขียนเว็บไซต์ว่างสำหรับคุณอยู่ไม่น้อย รวมทั้งคนสร้างแอปพลิเคชันใหม่ ๆ มาเสิร์ฟผู้ใช้งานด้วย ฉะนั้นหากมีความสามารถด้านนี้ก็รีบสมัครเลย

-------งานทำที่บ้าน สำหรับคนชอบออกแบบและดีไซน์-------

29. ขายงานฝีมือ / งานแฮนด์เมด / งาน DIY

งานทำที่บ้าน

          ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะอย่างการปั้นดอกไม้ดิน งานเย็บ ปัก ถัก ร้อย สมุดโน้ตทำมือชิค ๆ เสื้อยืด-กระเป๋า-รองเท้าสไตล์เดียวในโลก เครื่องประดับที่ไม่ซ้ำใคร หรือสิ่งประดิษฐ์แปลก ๆ ใหม่ ๆ งานเหล่านี้โพสต์ขายออนไลน์ได้ไม่ต้องเสียค่าเช่าที่

30. ทำพรีเซนเทชั่น / สื่อการสอน / เขียนสูตร Excel

          ใครถนัดใช้โปรแกรม Word, Powerpoint ฯลฯ สร้างพรีเซนเทชันประกอบการบรรยาย การประชุม สื่อการสอน หรือสามารถเขียนสูตร Excel เพื่อช่วยจัดการข้อมูลต่าง ๆ ได้ งานนี้ก็น่าสนใจ

31. ถ่ายภาพสินค้า

งานทำที่บ้าน

          ลองเปิดสตูดิโอถ่ายภาพของตัวเองดูก็ไม่เลว สำหรับคนที่มีฝีมือถ่ายภาพ มีอุปกรณ์พร้อม รู้มุมกล้อง จัดแสง จัดวางองค์ประกอบให้สินค้าดูสวยเด่น และควรจะมีสกิลตกแต่งภาพด้วย

32. ออกแบบกราฟิก / Artwork

ออกแบบ

          งานออกแบบเว็บไซต์ โลโก้ ตัวการ์ตูน การ์ดอวยพร สื่อสิ่งพิมพ์ โปสเตอร์ แบนเนอร์ อินโฟกราฟิก หรือทำภาพกราฟิกกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดออนไลน์ ใครเป็นหัวครีเอทีฟ แต่งภาพสวย ไดคัทเป๊ะ รีทัชได้ ไม่ควรพลาดอย่างแรง

33. ขายภาพ Vector

    คนที่ออกแบบกราฟิกเก่ง ๆ หรือสร้างภาพ Vector สวย ๆ ได้ ไม่จำเป็นต้องทำงานตามออเดอร์อย่างเดียว มีเวลาว่าง ๆ ก็นั่งออกแบบภาพ Vector อัปโหลดขายบนเว็บไซต์ที่ขายรูปภาพได้เลย ซึ่งมีหลายเว็บไซต์ที่รับซื้อภาพ Vector เช่น Shuttlestock, Freepik, 123RF

34. ขายสติ๊กเกอร์ไลน์

          ยังขายกันได้อยู่เรื่อย ๆ กับสติ๊กเกอร์ไลน์ และน่าจะทำเงินให้กับคนออกแบบได้ไม่น้อย ดูเป็นตัวเลือกที่ดีในการทำเป็นอาชีพหลัก อาชีพเสริม หรือหารายได้พิเศษ

35. วาดภาพ

วาดภาพ

          คนที่มีหัวศิลปะ ชอบวาดรูป ขีด ๆ เขียน ๆ ในเอกลักษณ์ของตัวเอง นอกจากจะวาดภาพขายสติ๊กเกอร์ไลน์ได้แล้ว ถ้าผลงานไปถูกใจใครเข้า อาจได้รับการว่าจ้างให้วาดภาพประกอบหน้าปกหนังสือ นิทาน การ์ตูน การ์ดอวยพร หรือแบนเนอร์ในงานอีเวนต์ต่าง ๆ รับทรัพย์ได้อีก

36. ตกแต่งภาพ / ตัดต่อภาพ

อาชีพทำที่บ้าน

          คนที่ใช้โปรแกรม Photoshop Lightroom หรือโปรแกรมแต่งภาพอื่น ๆ แบบขั้นเทพ งานนี้ก็เหมาะกับคุณเหมือนกัน จะแต่งรูปให้สวย แก้จุดบกพร่อง ลบสิว ริ้วรอย ลดสัดส่วน เปลี่ยนฉากหลัง เปลี่ยนภาพขาวดำเป็นภาพสี แต่งภาพเก่าเป็นภาพใหม่ หรือจะไดคัทและรีทัชภาพให้เนียน ราคาก็ขึ้นอยู่กับความยาก-ง่ายของงานนั้น

37. ออกแบบแฟชั่น / ตัดเย็บ

งานทำที่บ้าน

          เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าที่มีลวดลายแปลก ๆ ไม่แมส มักจะถูกอกถูกใจแฟชั่นนิสต้าที่ชอบเปลี่ยนแฟชั่นตามเทรนด์ตลอด หรืออาจจะรับงานออกแบบชุดกีฬา ออกแบบยูนิฟอร์มของบริษัทต่าง ๆ และถ้าชอบสัตว์เลี้ยง จะออกแบบเสื้อผ้าให้น้องแมว น้องหมา เพื่อชาว Pet Lover ก็น่าสน  ออกแบบแล้วจะตัดเย็บด้วยก็ได้ ขอแค่มีฝีมือ และส่งงานตรงตามกำหนด จะได้ลูกค้าจากการบอกปากต่อปากนี่ล่ะ หรืออาจจะรับเย็บ ปะ ชุน แก้ทรง ใส่ซิป ซ่อมแซมผ้าชำรุด ตัดขากางเกง ฯลฯ แค่นี้ก็มีลูกค้ารอคิวแล้วนะ

38. ตัดต่อวิดีโอ

ตัดต่อ

          คอนเทนต์วิดีโอได้รับความสนใจค่อนข้างสูง ถ้ามั่นใจว่ามีความสามารถในการตัดต่อวิดีโอ เขียนบทบรรยาย ใช้โปรแกรมได้หลากหลาย และคอมพิวเตอร์แรงพอ ก็ลุยเลย !  

39. ออกแบบเสียง ทำเพลงประกอบ

          ไม่ว่าจะทำเพลงประกอบ ทำจิงเกิล เสียงซาวน์เอฟเฟกต์ งานเหล่านี้ก็ทำที่บ้านได้เหมือนกัน แต่ต้องมีอุปกรณ์และมีความรู้พอสมควร จะทำร่วมกับงานตัดต่อวิดีโอก็ยังได้
 
40. รับพากย์เสียง นักบรรยายเสียง

          เสียงดี ๆ อย่าเก็บไว้กับตัวเองเปล่า ๆ ปลี้ ๆ ลองอ่านสปอตโฆษณา พากย์เสียงหนังสั้นอัดเป็นเดโมส่งให้บริษัทรับนักพากย์พิจารณา บางทีคุณอาจได้งานฟรีแลนซ์หรืองานประจำทำยาว ๆ หรือถ้าที่บ้านพอจะมีอุปกรณ์ ก็สามารถประกาศรับพากย์เสียงเองได้เลย จะบรรยายภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ พากย์เกมส์ การ์ตูน หนังสือเสียง พรีเซนเทชั่น ก็ลองดู


-------งานทำที่บ้าน ประเภทงานสอน / ที่ปรึกษา-------

41. ติวเตอร์ที่บ้าน / สอนดนตรี / สอนทำอาหาร

         เก่งวิชาไหน มีทักษะเทพ ๆ ในเรื่องอะไร ก็เปิดสอนนักเรียน นักศึกษา หรือคนที่สนใจอยากเรียนพิเศษได้เลย ซึ่งรายได้ค่อนข้างดี เพราะคิดเป็นชั่วโมง ตั้งแต่ 250 บาทขึ้นไป หากคุณสอนดี มีประสบการณ์ จนบอกกันปากต่อปาก ก็จะมีลูกค้าเข้ามาเรื่อย ๆ อ้อ ! งานนี้อาจทำเป็นอาชีพเสริมในระยะแรก ๆ ก่อน แต่หากไปได้ดีก็น่าจะต่อยอดเป็นอาชีพหลักได้อยู่นะ  

42. เปิดคอร์สเรียนออนไลน์

อาชีพทำที่บ้าน

         อยากเรียนการตลาด ธุรกิจ เล่นหุ้น กลยุทธ์ขายของ บัญชี ออกแบบ ภาษาต่างประเทศ ถ่ายภาพ ร้องเพลง ฯลฯ สารพัดความรู้สามารถเรียนได้ในอินเทอร์เน็ต เพราะเดี๋ยวนี้มีเปิดคอร์สสอนออนไลน์เยอะมาก จึงเป็นช่องทางให้คนที่มีความถนัดในด้านต่าง ๆ สร้างรายได้ง่าย ๆ จะสอนสดผ่านโปรแกรมวิดีโอแชต และกลุ่มลับในเฟซบุ๊ก หรือจะอัดวิดีโอเนื้อหาทั้งหมดเอาไว้ แล้วให้คนมาสมัครตามเว็บไซต์คอร์สเรียนออนไลน์ก็ตามแต่เราสะดวกเลย

43. เทรนเนอร์ออนไลน์

เทรนเนอร์ออนไลน์

         หลายคนอยากออกกำลังกายกับเทรนเนอร์ แต่ไม่อยากเข้ายิม ก็เลยสนใจเข้าคอร์สสอนออนไลน์ซะเลย เทรนเนอร์อยู่บ้านก็สอนได้ นักเรียนอยู่บ้านก็เรียนได้ จะสอนสด ๆ ผ่านไลฟ์ หรืออัดคลิปวิดีโอไว้ให้คนทำตามก็เลือกได้ตามใจ

44. นักบัญชีฟรีแลนซ์

         ยุคนี้มีนักบัญชีหลายคนออกมาเปิดบริษัทเล็ก ๆ รับทำบัญชีเอง หรือบางคนอาจผันตัวเป็นพนักงานบัญชีฟรีแลนซ์รับงานเป็นจ็อบ ๆ คอยให้คำปรึกษาเรื่องบัญชีและภาษีกับร้านค้า-บริษัททั่วไป ซึ่งก็ใช้ที่บ้านนี่ล่ะเป็นสถานที่ทำงาน แต่ก็ต้องพยายามหาคอนเน็กชั่นอยู่เรื่อย ๆ ถึงจะได้งาน

45. ที่ปรึกษาออนไลน์

         ขึ้นอยู่กับความถนัดของคุณว่าจะรับปรึกษาเรื่องอะไร ที่เห็นทั่วไปก็อย่างเช่น ให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ แผนการตลาด การลงทุน ปัญหาสุขภาพจิต ปัญหาชีวิตส่วนตัว ถือเป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจเหมือนกันสำหรับคนมีความเชี่ยวชาญด้านในด้านหนึ่งโดยเฉพาะ

46. ดูดวง

ดูดวง

         อาชีพน่าสนใจสำหรับคนมีความรู้โหราศาสตร์แขนงต่าง ๆ จะเปิดบ้านต้อนรับลูกค้า หรือจะรับดูดวงผ่านทางโทรศัพท์ เฟซบุ๊ก ไลน์ ก็ง่ายสุด ๆ มีลูกค้าทุกเพศ ทุกวัยที่อยากได้ที่พึ่งทางใจ


-------งานทำที่บ้าน ประเภทงานรับจ้าง-บริการ-------

47. พี่เลี้ยงเด็ก

          เปิดบ้านเป็นเนิร์สเซอรีสำหรับเด็ก ๆ ก็น่าสนใจ แต่ขอให้มั่นใจว่าตัวเองเป็นคนรักเด็กจริง ๆ หรือมีจิตใจอ่อนโยน รวมทั้งมีความรับผิดชอบมากพอ เพราะการเลี้ยงเด็กค่อนข้างต้องเอาใจใส่มาก ๆ เลยเชียวล่ะ

48. ดูแลสัตว์เลี้ยง

งานทำที่บ้าน

          ถ้าเป็นคนรักสัตว์ ลองเปิดบ้านรับฝากน้องหมา น้องแมวดูก็ได้ แต่ทั้งนี้ก็ควรจัดสถานที่ให้น่าอยู่และถูกสุขลักษณะเหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงชนิดต่าง ๆ ด้วยนะ

49. ซ่อมคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า

งานทำที่บ้าน

          สมัยนี้ใครก็มีอุปกรณ์ไอทีและอิเล็กทรอนิกส์ใช้กันถ้วนหน้า และของพวกนี้ก็มีวันเสียหายได้ ดังนั้นถ้ามีทักษะด้านนี้ก็เปิดร้านซ่อมคอมพิวเตอร์และมือถือที่บ้านไปเลย

50. รับซัก-รีด

งานทำที่บ้าน

          งานบ้านที่ทำไม่ยากแต่สร้างรายได้ให้ไม่น้อย แม้จะต้องเหนื่อยกับการซัก-รีด เสื้อผ้าไปหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มทีเดียว
 
51. รับงานโหลมาทำที่บ้าน

          งานจากโรงงานที่สามารถรับไปทำที่บ้านได้มีให้เลือกมากมาย เช่น งานตัดเย็บ พับถุง พับกระดาษ พับแบงก์เป็นดอกไม้ พับหลอด พับเหรียญโปรยทาน พับริบบิ้นพวงมาลัย แพ็กของชำร่วย แพ็กสินค้า ร้อยลูกปัด ทำดอกไม้จันทน์ ฯลฯ คนที่มีสกิลเรื่องตัดเย็บ ประดิดประดอย และมีเวลาว่างทั้งวัน ก็น่าลองหารายได้จากการรับงานฝีมือมาทำที่บ้านดูนะ

52. เพ้นท์เล็บ

          ไม่จำเป็นต้องตั้งร้านในทำเลไหน เพราะหากฝีมือเพ้นท์เล็บของคุณจัดอยู่ในระดับขั้นเทพ เชื่อว่าลูกค้าจะวิ่งมาหาคุณเองถึงที่บ้าน

53. แต่งหน้า-ทำผม

งานทำที่บ้าน

          หากทุนยังน้อยลองรับงานเล็ก ๆ อย่างแต่งหน้าเจ้าสาว แต่งหน้ารับปริญญาดูก่อนก็ได้ ถ้ากิจการดีมีกำไรค่อยขยับขยายเปิดร้านเสริมสวยต่อไปในอนาคต


-------งานทำที่บ้านอื่น ๆ-------

54. เพาะพันธุ์ต้นไม้

ขายต้นไม้

          เทรนด์ปลูกต้นไม้กำลังมา อย่ารอช้า เราไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย อาศัยแค่ความใส่ใจที่จะดูแลต้นไม้ให้เติบโตสวยงาม เท่านี้ก็ขายต้นไม้ได้แล้ว

55. ปลูกผัก

ปลูกผัก

         พืชและสมุนไพรหลายชนิดไม่ต้องใช้พื้นที่มากก็สามารถปลูกได้สบาย แม้จะอยู่ในคอนโดฯ หรือหอพัก ยิ่งถ้าสามารถปลูกผักที่คนทั่วไปไม่ปลูก และเป็นที่ต้องการของตลาดได้ เราก็จะได้เปรียบในเรื่องของการตั้งราคา งั้นก็อย่ารอช้า มาปลูกผักกันเถอะ

          - ชี้ช่องทำเงิน ปลูกผักขายหารายได้เสริม ทุนน้อยก็สร้างอาชีพได้
          - 7 วิธีปลูกผักสลัดในกระถางลงดิน ด้วยวิธีเพาะเมล็ดง่าย ๆ ที่บ้าน
          - 6 วิธีปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ปลอดภัยไร้สารพิษ ไว้กินเองที่บ้านหรือเพาะขายก็ได้
          - 8 สายพันธุ์มะนาวยอดนิยม ปลูกขายก็ทำเงินดี ปลูกไว้กินก็ได้
          - วิธีปลูกฟ้าทะลายโจร สมุนไพรไทยสรรพคุณเยี่ยม น่าเพาะขายสร้างรายได้
          - วิธีปลูกดาวเรืองในกระถางด้วยเมล็ด ขยายพันธุ์ขายจากสิบเป็นร้อยต้น 
          - วิธีการปลูกตะไคร้ในกระถาง ไว้เก็บกินเองก็ได้หรือนำไปขายก็ดี 

56. เพาะเห็ด
 
งานทำที่บ้าน

         นอกจากปลูกผักแล้วเรายังสามารถสร้างรายได้จากการเพาะเห็ดขายได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเห็ดนางฟ้า เห็ดขอน เห็ดฟาง โดยเริ่มต้นลงทุนหลักร้อยปลาย ๆ ถึงหลักพันนิด ๆ ใช้พื้นที่ไม่มาก แต่มีโอกาสสร้างรายได้หลักพัน-หลักหมื่นต่อเดือน

57. ทำไข่เค็ม

         ทำไม่ยาก ใช้ต้นทุนไม่มาก แต่รายได้ค่อนข้างดี จะส่งขายตามตลาดนัด ร้านค้า ร้านอาหาร หรือจำหน่ายทางออนไลน์ก็ได้

58. เลี้ยงสัตว์ / เพาะพันธุ์สัตว์

         เชื่อไหมว่าอาชีพเลี้ยงสัตว์ และเพาะพันธุ์สัตว์บางชนิด ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำมาก อย่างเช่น เพาะเลี้ยงไส้เดือน เลี้ยงกุ้งเครย์ฟิช กุ้งฝอย หอยขม ปูนา ปลากัด ไก่ดำ สนใจอาชีพไหนก็ลองค้นหาข้อมูลดู

59. เทรดเดอร์ (Trader)

เล่นหุ้น

          อาชีพนี้จะแตกต่างจากข้ออื่น ๆ ตรงที่เป็นการทำงานเพื่อตัวเอง จึงเป็นอีกหนึ่งอาชีพในฝันของคนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นนายตัวเอง จะเลือกเทรดหุ้น ฟอเร็กซ์ คริปโตเรนซี่ ตามแต่ความถนัด แต่อาชีพนี้ก็ไม่ได้สบายอย่างที่คิด ต้องมีความรู้และหมั่นติดตามข่าวเศรษฐกิจทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งสถานการณ์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกด้วย เพราะเรื่องเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อตลาดการลงทุนอย่างมาก และอาจทำให้คุณเป็นเศรษฐี หรือยาจกได้ในพริบตา ลองศึกษาคร่าว ๆ ได้ที่นี่

          - วิธีเล่นหุ้นด้วยตัวเอง มือใหม่หัดเล่นหุ้นต้องรู้เลย 
          - 7 วิธีเล่นหุ้นฉบับคนไม่มีเวลา มนุษย์เงินเดือนทำได้ ไม่ต้องนั่งเฝ้าจอทั้งวัน
          - ฟอเร็กซ์ (Forex) คืออะไร ? รู้จักการซื้อ-ขายเก็งกำไรค่าเงิน ที่อาจทำให้รวยเร็ว เจ๊งไว !
   
60. เปิดร้านนั่งเล่นชิล ๆ

งานทำที่บ้าน

         ถ้าบ้านอยู่ในทำเลที่เหมาะแก่การค้าขาย มีคนพลุกพล่านแต่มีร้านนั่งชิลเก๋ ๆ น้อยมากหรือไม่มีเลย เราก็ฉวยโอกาสนี้เปิดร้านขายเบเกอรี่ กาแฟ นม ขนมกินเล่นง่าย ๆ เรียกแขกหน้าคุ้นเคยแถวนั้นมาเป็นลูกค้าเราซะเลย
 มีอาชีพให้เลือกมากมาย ถ้าไม่เลือกงานก็ไม่ยากจนแน่นอน ดังนั้นหากคุณกำลังหางาน หรืออยากมีรายได้เสริมหลาย ๆ ช่องทาง หรืออยากเลิกเป็นมนุษย์ออฟฟิศ มารับงานฟรีแลนซ์ เราก็หวังว่า งานทำที่บ้านเหล่านี้ จะเป็นไอเดียช่วยทำเงินให้คุณได้


* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 9 ตุลาคม 2563
https://money.kapook.com/