Wednesday, June 23, 2021

ขายต้นไม้ออนไลน์ หารายได้ระหว่างเรียน พ่อค้า ม.4 ปลดหนี้ให้แม่ได้หลายแสน

 

ขายต้นไม้ออนไลน์ หารายได้ระหว่างเรียน พ่อค้า ม.4 ปลดหนี้ให้แม่ได้หลายแสน
ขายต้นไม้ออนไลน์ หารายได้ระหว่างเรียน พ่อค้า ม.4 ปลดหนี้ให้แม่ได้หลายแสน

ขายต้นไม้ออนไลน์ หารายได้ระหว่างเรียน พ่อค้า ม.4 ปลดหนี้ให้แม่ได้หลายแสน

เรื่องราวของหนุ่มน้อยวัย 15 ปี ที่ขยันทำกินหาเงินมาจุนเจือครอบครัว เหตุเพราะร้านอาหารตามสั่งของแม่และอาชีพขับแท็กซี่ของพ่อ ฝืดเคืองเต็มทีถึงขั้นติดลบ กระทั่งเป็นหนี้เป็นสินก้อนใหญ่ หาได้เท่าไหร่ก็ไม่พอจ่ายดอกเบี้ย

ซัน- ยศสรัล โตสืบวงศ์ ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอศาลายา จังหวัดนครปฐม ให้สัมภาษณ์ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์  ด้วยน้ำเสียงร่าเริงสมวัย ย้อนเรื่องราวให้ฟัง แม่มีหนี้อยู่ก้อนหนึ่งประมาณ 350,000 บาท และทยอยใช้มาตั้งแต่ปี 2548 แล้ว แต่ไม่หมดเสียที หนี้บัตรเครดิตก็มี พ่อซึ่งขับแท็กซี่ ก็ขับไม่ได้เพราะโควิด เขาจึงอยากหารายได้มาช่วยครอบครัว

ตอนอยู่ ม.3 เทอมปลาย จึงไปรับจ้างในร้านอาหารตามสั่ง ได้ค่าแรงวันละ 300 บาท ทำงานตั้งแต่ แปดโมงเช้าถึงสองทุ่ม แต่วันธรรมดาต้องไปเรียนหนังสือ ทำได้แค่ครึ่งวันหลังกลับจากโรงเรียน ค่าแรงจึงเหลือวันละ 150 บาท แต่ทำได้ไม่นาน ก็ต้องเลิก เพราะร้านมีอันต้องปิดไปเพราะสถานการณ์โควิด

เมื่อหมดจ๊อบรับจ้าง ซัน จึงมองหารายได้ทางอื่น นึกขึ้นได้ ตัวเองเป็นคนชอบปลูกต้นไม้ ก่อนหน้านี้เคยเจียดค่าขนมไปซื้อไม้มงคลกระถางเล็กๆ จากตลาดต้นไม้ขายส่งมาปลูกเป็นงานอดิเรก เลยลองโพสต์ขายต้นไม้ บนหน้าเฟซตัวเอง ปรากฏผลตอบรับดี ซื้อมา 8 บาท ขาย 20 บาท กำไรกระถางละ 12 บาท ถือว่าน่าพอใจแล้ว

อุปสรรคไม่ใช่น้อย

แต่ด้วยปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า ตัวเขาและครอบครัว จำต้องย้ายบ้านจากในกรุงเทพฯ มาหาเช่าบ้านในอำเภอศาลายา ซึ่งโชคดี ได้บ้านเช่าไม่แพง พอมีบริเวณเปิดเป็นร้านอาหารตามสั่งได้ แต่บ้านตั้งอยู่ตรงคอสะพานพอดี ไม่มีใครจอดรถซื้อข้าวได้ ร้านอาหารตามสั่งของแม่เขาเลยขายได้แค่วันละจานสองจาน ชีวิตติดลบเข้าไปใหญ่ จะหาหยิบยืมใครก็ไม่ได้ จึงคิดว่าจะอยู่เฉยไม่ได้แล้ว

ซัน พ่อค้า ม.4

จึงตัดสินใจลองลงทุนเพิ่ม ก่อนตระเวนหาซื้อต้นไม้มงคลหลากหลายพันธุ์ ตามตลาดขายส่งละแวกบ้าน นำมาโพสต์ขาย ในกลุ่มคนรักต้นไม้ บนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก ปรากฏผลตอบรับดีเกินคาด จนทำให้ส่งต้นไม้ล่าช้า อีกทั้งยังไม่รู้วิธีแพ็กที่ถูกต้อง ต้นไม้จึงเกิดความเสียหายเมื่อถึงมือลูกค้า

“วันนั้นสอบพอดี ไม่สามารถพกโทรศัพท์เข้าห้องได้ พอตอนเที่ยงออกมาจากห้องสอบ ผมก็ไล่ตอบแชทลูกค้า 20-30 คน ที่ต่อว่าเรื่องส่งต้นไม้ช้า ที่โทรมาด่าก็มี เขาบอก ถ้าน้องมีปัญญาแพ็กแค่นี้ กลับไปเรียนเหมือนเดิมเถอะ นี่เป็นประสบการณ์เริ่มต้นของเด็กอายุ 14 ที่อยากช่วยทางบ้านหาเงิน” ซัน เล่าเสียงหม่น

และเพราะต้องช่วยครอบครัวหาเงินเข้าบ้าน เขาจึงโพสต์ขายต้นไม้ในกลุ่มบนเฟซบุ๊ก บ่อยเกินไป เป็นการทำผิดกฎ แอดมินกลุ่มจึงบล็อกไม่ให้เขาเข้าไปโพสต์ขายต้นไม้ได้อีก เขาเลยหันมาตั้งหลักใหม่ด้วยการแอดเฟรนด์คนอื่นๆ ที่เคยโพสต์ลงกลุ่ม เพื่อให้คนรักต้นไม้รู้จักเขามากขึ้น ก่อนใช้วิธี Live สดหน้าเฟซของตัวเอง เป็นหลัก ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นให้มาอนุมัติให้ขายของแต่ละที

ไม้ด่าง พลิกชีวิต

เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น ปัญหาการส่งล่าช้า ปัญหาการแพ็กต้นไม้ก่อนส่ง ค่อยๆ หมดไป  คราวนี้ พ่อค้า ม.4 อยากลองนำไม้ใหญ่ มา Live ขายบ้าง แต่ไม่ดีอย่างที่คิด ลงทุน 4 ต้น ต้นละพันบาท ขายได้แค่ต้นเดียว  ที่เหลือขายไม่ออก ลดราคาแล้วก็ไม่มีใครซื้อ พอเลี้ยงไม่เป็น ต้นไม้ตาย ทุนเลยจมไปหลายบาทประสบการณ์ครั้งนั้น ทำให้ถึงกับต้องกุมขมับ เลยทีเดียว

ไล่เรียงมาถึงจุดเปลี่ยน ที่เจ้าของเรื่องราว บอก จะเรียก ไม้ด่างช่วยพลิกชีวิต ของเขาก็ว่าได้

“Live ขายต้นไม้แบบซื้อมาขายไปได้พักหนึ่ง ผมเกิดความคิด ถ้าขายแต่ต้นไม้เดิมๆ ให้ลูกค้าเดิมๆ เขาก็ไม่อยากได้ เพราะเขามีแล้ว เลยลองเอาเงินไปลงทุนซื้อไม้ด่าง ที่ต้นทุนแพงมาก มาขายสักต้นสองต้น ปรากฏได้กำไรดีกว่าต้นไม้ธรรมดาเยอะเลย  งั้นเอากำไรไปซื้อเพิ่มอีก และลดปริมาณต้นไม้ที่ต้องขายเยอะๆ แต่มาเน้นไม้ด่าง ที่ตลาดต้องการมากขึ้นแทน” ซัน เล่าอย่างนั้น

ไม้ด่างไปซื้อมาขาย

ก่อนบอกต่อ ไม้ด่าง ต้นทุนสูงจริง แต่เป็นที่ต้องการของตลาด จึงขายง่าย เขาเลยเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง ช่วงเวลาไม้ตัวไหน มีคนเล่น ประกอบกับบ้านของเขาที่อำเภอศาลายา อยู่ใกล้แหล่งต้นไม้หลายแหล่ง จึงเริ่มตระเวนหาซื้อไม้ด่างมา Live ขาย ทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้น กระทั่งแตะหมื่นบาทแรก ดีใจมากๆ

“เล่นไม้ด่างตระกูลฟิโล ทั้งหมดเลยครับ พวก หูช้างด่าง ขายดี  ผมเคยถามตัวเอง ถ้าตั้งราคาขายถูก เพื่อเอากำไรถูก แล้วจะลงทุนสูงเพื่ออะไร เลยหันมาลงทุนต้นละพัน บอกขายต้นละสองพัน ปรากฏขายได้ เพราะราคาที่ตั้งยังถูกกว่าร้านอื่นอีก เลยใช้จุดนี้เป็นจุดหลัก คือ ขายถูกกว่าคนอื่น แต่ยังมีกำไร เพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งสิ่งที่ผมต้องทำคือ ไปหาแหล่งซื้อที่ราคาไม่แพง มาขายในราคาถูกที่สุด ทุกวันนี้ เลยลงทุนไปไม้ด่างทั้งหมดเลย บางครั้งได้กำไรครึ่ง-ครึ่ง บางครั้งได้ 2-3 เท่า” พ่อค้า ม.4 บอกอย่างนั้น

ถามไถ่ถึงภารกิจชีวิตนักเรียน ม.4 โปรแกรมศิลป์ภาษา  ซัน บอก ช่วงนี้จันทร์-ศุกร์  เรียนออนไลน์ ส่วนวันหยุดจะรีบ รีบตื่นไปตลาดต้นไม้แต่เช้า พอวัน อังคาร จะ Live สด ขายต้นไม้ เลิกประมาณตี 2 ตี 3 เพราะต้องไล่ตอบคอมเม้นต์ลูกค้าเป็นพันราย

“ตอนตระเวนซื้อต้นไม้ จะให้พ่อขับแท็กซี่พาไป ช่วง Live สด มีพี่กับพ่อ ช่วยหยิบจับ ผมเป็นคนพูดเอง เพราะคล่องกว่า ส่วนแม่ขายอาหารตามสั่งด้วย แพ็กต้นไม้ไปด้วย ผม ก็เรียนออนไลน์ไป แพ็กต้นไม้ไป แต่พยายามเข้าเรียนทุกคาบ” ซัน เผยให้ฟัง

ก่อนเล่าน้ำเสียงภูมิใจ กำไรจากน้ำพักน้ำแรงที่ทำงานหนักมาตลอดเกือบ 3 เดือน สามารถโอนเงินใช้หนี้ให้กับแม่ถึงสองแสนห้าหมื่นบาทแล้ว  เหลือแสนบาทสุดท้าย ที่กำลังหาอยู่ ความจริงมีพอจ่ายแล้ว แต่ขอนำเป็นทุนไปซื้อไม้ด่างรุ่นใหม่ก่อน

เป้าหมายสูงสุด มีเหลือ แบ่งปัน

“ไม้ด่างทำกำไรได้ดี แต่ต้องติดตามดารา ดูตลาด ว่าคนเขาตามหาต้นไม้ไหนมากที่สุดตอนนี้ กระแสไหนมาตอนนี้ ก็ต้องรีบไปคว้าให้ทันก่อนคนอื่นที่ราคามันจะขึ้น  มันเหมือนช้อนซื้อหุ้นเลยพี่” ซัน บอกจริงจัง

และว่า นอกจากจะซื้อมาขายไปแล้ว เขายังเริ่มสะสมตัวไม้ด่าง คิดว่าอนาคตต้องมาแรง อย่าง เงินไหลมาด่างเหลือง เมื่อก่อนต้นละ 500-600 บาท ไม่มีคนสนใจ ตอนนี้ต้นนึงเกือบหมื่นแล้ว คือ ถ้าสินค้าเหลือน้อย ตลาดต้องการ ราคาก็แพงขึ้นหลายเท่า อาชีพอย่างผมต้องตามให้ทัน

นั่งแท็กซี่พ่อไปขนต้นไม้

“ตอนนี้ไม้ด่าง สาย  EPI (อีพิ) กำลังดัง ผมต้องตามให้ทัน ซื้อต้นใหญ่มาตัดให้ลูกค้า แล้วขายถูกเหมือนเดิม เพราะบางท่านงบไม่ถึง แบ่งขายให้ไป ทุกวันนี้ มีคนทำอาชีพแบบนี้เยอะ ต้องแย่งกันหาซื้อ ต้องไปตลาดให้ทัน ซึ่งผมมีอยู่สิบกว่าร้าน อยู่ที่ ปทุมธานี นครปฐม นนทบุรี ที่ค้าขายกันอยู่” ซัน เผย

ถามถึงความตั้งใจของหนุ่มน้อยวัย 15 ซันบอก อยากมีสวนเล็กๆ เลี้ยงไม้ด่าง เพราะไม้ด่าง ช่วยพลิกชีวิต ช่วยครอบครัวของเขาได้มากจริงๆ ตอนนั้นทุกคนท้อ ไม่รู้จะไปทางไหน เจ้าหนี้ก็ทวง หนี้บัตรเครดิตหมดวงเงินจะให้ยืม ขายอาหารตามสั่งก็ไม่ได้ ไม่มีอะไรให้ทำ แต่คิดว่าในเมื่อดาราเขาเล่นได้ ตัวเราน่าจะทำได้

“ไม้ด่าง น่าจะยังได้รับความนิยมอีกยาว เพราะปริมาณมีน้อย แต่คนต้องการเยอะ เลี้ยง 2-3 เดือน ราคาขึ้นแล้ว แต่ถ้าอนาคตความนิยมลดลง ก็ไม่เป็นไร เพราะถึงเวลานั้น ผมคงมีพื้นฐานอาชีพที่มั่นคง มีวิชาค้าขายออนไลน์แล้ว” ซัน บอก

และว่า ตอนนี้มีเพื่อนๆ และรุ่นน้อง มาขอให้เขาช่วยแนะนำ การขายต้นไม้ออนไลน์ เพราะอยากหารายได้ช่วยครอบครัวเหมือนกัน ซึ่งเขาจะบอกว่า ถ้าอยากทำจริงๆ ต้องอยู่ที่ความมานะ และจุดมุ่งหมายของแต่ละคน

“อย่างผม มีจุดมุ่งหมายคือ ต้องการใช้หนี้ให้แม่ ซื้อบ้านให้แม่อยู่ คือเป้าหมายสูงสุดแล้ว แต่ถ้าสูงสุดกว่านั้น คือ มีเงินเก็บ แล้วสามารถนำไปช่วยเหลือ ไปแบ่งปันให้คนอื่นได้” ซัน ทิ้งท้าย น่าประทับใจ

ขอบคุณที่มา เศรษฐทางเศรษฐี

Sunday, June 20, 2021

อาชีพรับจ้างพาสุนัขไปเดินเป็นธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ ที่มีรายได้ดี

 



ชาวกรุงวอชิงตันที่ต้องทำงานจำนวนมากพึ่งคนเดินสุนัขให้พาสัตว์เลี้ยงออกไปเดินออกกำลังกาย

คุณแคท โฮมส์รับจ้างพาสุนัขไปเดินเล่นมานานสิบหกปีแล้ว วันนี้จะมีสุนัขสิบสองตัวไป คุณโฮมส์ต้องสวมเข็มขัดที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อผูกเชือกจูงสุนัขได้รอบเอว ส่วนมือก็ถือพวงกุญแจบ้านเจ้าของสุนัข


คุณโฮมส์ทักทายลูกค้าสี่ขาตัวแรกที่ไปรับที่บ้าน ตัวนี้ชื่อ ฟรีด้า เป็นชีวาว่้าตัวเมียอายุหกปี ฟรีด้ามีเชือกจูงที่ยาวที่สุดในบรรดาหมาทั้งสิบสองตัว จะได้เดินห่างจากกลุ่มได้สบายๆโดยไม่ต้องเบียดเสียดกับสุนัขตัวใหญ่กว่า

คุณโฮมส์คิดค่าพาหมาไปเดินรอบละ 14 ดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 420 บาท เส้นทางที่พาเดินเป็นเส้นทางประจำระยะทางเก้ากิโลเมตร ผ่านจุดสวยงามที่สุดหลายจุดในกรุงวอชิงตันดีซี และจะใช้เวลาเดินราวสองชั่วโมง

ลูกค้าสี่ขารายที่สองกันเป็นลูกหมาตัวนี้ชื่อคาหลีค ทุกครั้งคุณแคท โฮมส์จะบันทึกเวลารับและส่งสุนัขในแต่ละบ้านเพราะเจ้าของบ้านไม่อยู่ บางครั้งเจ้าของหมาอาจจะมีข้อความทิ้งไว้เป็นคำแนะนำพิเศษเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของตน หรือบางครั้ง คุณโฮมส์อาจจะมีข้อความเขียนถึงเจ้าของสุนัขแต่ละตัว เธอบอกว่าถ้าต้องพาสุนัขไปเดินพร้อมกันเป็นฝูงเกินสามตัวขึ้นไป ต้องมีความเชี่ยวชาญในการควบคุมไม่งั้นอาจเกิดความวุ่นวาย

ผ่านไปสี่สิบห้านาทีผ่านไป สมาชิกในฝูงเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ คุณโฮมส์แวะที่ออฟฟิสแห่งหนึ่งเพื่อรับสุนัขตัวสุดท้ายชื่อ กริฟ เป็นสุนัขพันธุ์ Belgian Shepherd น้ำหนัก 35 กิโลกรัม คุณดักลาส เจอมอล เจ้าของหมาตัวนี้บอกว่าถ้าหมาของเขาเพลินกับการออกไปเดันและมีความสุข เขาก็มีความสุขไปด้วย

สุนัขที่คุณโฮมส์รับพาไปเดินเปลี่ยนหน้าบ่อยเพราะบางครั้งลูกค้าประจำไปเที่ยวพักร้อนกับเจ้าของ บางตัวเจ้าของไม่อยู่บ้าน ต้องนำสุนัขไปฝากเลี้ยงที่คลีนิคสัตว์ สุนัขทั้งตัวเก่าตัวใหม่ก็จะเริ่มคุ้นเคยกันไปเองและเข้าใจกฏระเบียบของคนควบคุม เธอไม่อนุญาติให้หมาปัสสาวะเรี่ยราดไปทั่ว แต่กำหนดจุดปลดทุกข์ไว้ 8 จุดตลอดเส้นทางเดิน 9 กิโลเมตร ถ้าเป็นต้นไม้ต้นโปรด คุณโฮมส์จะสั่งให้สุนัขผลัดกันฉี่ทีละตัวเริ่มจากตัวโตที่สุดตามด้วยลูกทีม แต่มักมีปัญหาสุนัขอุจจาระเรี่ยราดเกิดขึ้นบ่อยเพราะควบคุมยากกว่าโดยเฉพาะถ้าบางตัวกินอาหารเช้าเยอะเกินไปแต่เจ้าของไม่พาออกมาปลดทุกข์

คุณแคท โฮมส์ จำชื่อสมาชิกสี่ขาในฝูงได้ทั้งหมด และทุกตัวเชื่อฟังคำสั่งดีตลอดเส้นทาง สร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็น เธอบอกว่านอกจากประสบการณ์แล้วคนที่ยึดอาชีพเดินสุนัขควรจะรักสัตว์ด้วยเพราะจะช่วยให้งานที่ทำง่ายขึ้น ที่สำคัญจะต้องทำตัวเป็นจ่าฝูงคอยควบคุมฝูงให้อยู่ในวินัย

ขอบคุณที่มา www.voathai.com

 


อาชีพน่าสนใจสำหรับคนรักสุนัขในประเทศไทยอีก 1 อาชีพ รับจ้างพาสุนัขเดินเล่น ชาวโซเชียลแห่แชร์กว่า 2,000 คน กดไลก์กว่า 11,000 คน
เมื่อวันที่ 26 ส.ค. เฟซบุ๊ซ หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์ ได้ประกาศรับสมัครงาน ซึ่งต่างประเทศคงมีมายาวนาน แต่ประเทศไทยยังไม่ค่อยเป็นที่ได้รับความสนใจเท่าไหร่ I walk dogs หาพาร์ตเนอร์ร่วมงาน โดยระบุว่า เป็นงานพาร์ตไทม์หรือรายได้เสริมรับจ้างพาสุนัขเดินเล่น โดย รายละเอียดงาน เป็นการรับสุนัขจากบ้านลูกค้าไปเดินเล่น รับงานตามจุดที่พาร์ตเนอร์อยู่ใกล้ ทำงานวันละ 1 - 3 ชั่วโมง หรือช่วงเช้าหรือเย็น ขึ้นอยู่กับว่าพาร์ตเนอร์จะสะดวกรับช่วงไหน อัตราค่าจ้างชั่วโมงละ 100 - 120 บาทต่อสุนัข 1 ตัว คุณสมบัติ มีอายุ 20 ปีขึ้นไป มีใจรักสุนัข และประสบการณ์การเลี้ยงสุนัข มีความรับผิดชอบสูง ใจเย็น

มีรถมอเตอร์ไซต์สามารถขับขี่ได้ มีสัญญาการทำงานตามแพกเกจที่ลูกค้าเลือก ขั้นต่ำ 1 เดือน โดย IWD จะหาลูกค้าให้พาร์ตเนอร์ ถ้าตกลงรับจึงจะมีสัญญาเกิดขึ้น เมื่อได้รับการตอบรับเป็นพาร์ตเนอร์จะมีการฝึกการจูงสุนัขก่อนเข้าเดินกับสุนัข




Friday, June 18, 2021

ไม้ด่าง วงการเดียวที่ยังรอด ใช้พื้นที่ไม่กี่ตารางวา ทำกำไรสุดเวิร์ก

 

ไม้ด่าง วงการเดียวที่ยังรอด ใช้พื้นที่ไม่กี่ตารางวา ทำกำไรสุดเวิร์ก
ไม้ด่าง วงการเดียวที่ยังรอด ใช้พื้นที่ไม่กี่ตารางวา ทำกำไรสุดเวิร์ก


มีผลงานโดดเด่น เป็นนักล่ารางวัลตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง เทิร์นโปรฯ ตั้งแต่เรียนปีสาม เป็นคอลัมนิสต์นิตยสารชื่อดัง ตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาตรี และ รับตำแหน่ง Executive Chef  ตอนอายุไม่ถึง 25 ปี ที่เขาว่ากันว่า เชฟ อายุแค่นั้น จะขึ้นแท่นในตำแหน่งนี้ได้ มีอยู่ราว…หนึ่งในพัน
ไม้ด่าง วงการเดียวที่ยังรอด ใช้พื้นที่ไม่กี่ตารางวา ทำกำไรสุดเวิร์ก

เชฟปิง- สุรกิจ เข็มแก้ว คือ เจ้าของโปรไฟล์ข้างต้น ปัจจุบันอายุ 31 ปี สละเวลามาพูดคุยกับ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ด้วยบุคลิกมั่นใจ เป็นกันเอง

“เป็น Executive Chef  อยู่ที่ Cielo Sky Bar ตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ได้เงินเดือนหลักแสน คิดว่าชีวิตมาไกลมาก สำหรับเด็กบ้านนอก ที่เคยคิดว่าเรียนจบแล้ว ขอแค่มีงานทำ” เชฟปิง เริ่มต้นบทสนทนา

ก่อนแนะนำตัวให้รู้จักกันมากขึ้น พื้นเพครอบครัวเป็นคนจันทบุรี จบปริญญาตรีด้านอาหารจากวิทยาลัยดุสิตธานี  สมัยมัธยมฯ เป็นเด็กติดเกม เคยเรียนต่อด้านคอมพิวเตอร์ธุรกิจ แต่ผ่านไปแค่ 3 เดือน คิดว่าไม่น่าไปรอด เลยลาออกมาตั้งหลัก ก่อนสมัครเข้าเรียนที่วิทยาลัยดุสิตธานี ตามคำชักชวนของเพื่อน

“เริ่มแข่งขันทำอาหาร ตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง เพราะเพื่อนท้าว่าแน่จริงไปแข่งกันในสนาม คำพูดนี้ ทำให้ฮึกเหิม และจากแข่งทำอาหารรายการแรก ได้เหรียญเท่ากันกับเพื่อน หลังจากนั้นปีสองถึงปีสี่ ลงแข่งขันไม่รู้กี่รายการ ได้รางวัลสะสมนับได้กว่าสามสิบเหรียญ ถ้วยอีกนับสิบใบ” เชฟปิง ย้อนความทรงจำให้ฟัง

เชฟปิง – สุรกิจ เข็มแก้ว

หลังจากนั้น ฝีไม้ลายมือของเชฟหนุ่มหน้าตาดี  เริ่มเป็นที่กล่าวถึง เมื่อจบปริญญาตรี เขาบินไปหาประสบการณ์ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเจ้าตัวออกปากเองว่า “ไปชุบตัวเมืองนอก” มาหนึ่งปี กลับมาไม่นาน ได้รับการชักชวนจาก เชฟรุ่นใหญ่-ชุมพล แจ้งไพร ให้มารับตำแหน่ง Executive Chef  ที่  Cielo Sky Bar ร้านอาหารชื่อดังบนดาดฟ้าบนตึกหรูกลางกรุง

“อยู่ที่ Cielo Sky Bar ได้ 4 ปีครึ่ง รับค่าตอบแทนเดือนเป็นแสน เป็นเรื่องที่ไกลเกินฝัน นอกจากนั้น ผมยังมีรายการอาหารทางโทรทัศน์ของตัวเอง ถ่ายโฆษณา เป็นพรีเซ็นเตอร์ มีอีเว้นต์มากมาย ปีๆ หนึ่งน่าจะ 40-50 อีเว้นต์ บางปีเกือบ 100 อีเว้นต์ มันมากสำหรับเด็กคนหนึ่งในสายอาหาร ที่ไม่ใช่ดารา หรือ คนดังอะไร” เชฟปิง บอกอย่างนั้น

และย้ำด้วยว่า

“ไม่ได้เรียกตัวเองว่าเซเลบ  ผมเรียกตัวเองว่า โปรเฟสชั่นนอล เชฟ เพราะมีร้านอาหารประจำ มีลูกน้องต้องดูแลตามสายงานขั้นบันได 30-40 คน แต่หลายคนมักมองว่า ผมเป็นเซเลบ ก็ไม่ว่าอะไร แล้วแต่จะเรียก”

 โควิดซัด รายได้หายทุกทาง

โลดแล่นทำงานในวงการอาหารเกือบ 5 ปี ชีวิตการงานของเชฟหนุ่ม เดินทางมาถึงจุดพลิกผัน สาเหตุสำคัญ คงเหมือนกับใครหลายคน…สถานการณ์โควิด-19

“ผมเห็นสัญญาณหลายอย่างของธุรกิจร้านอาหาร ตั้งแต่สิ้นปี 2562  เพราะรายการโทรทัศน์ที่ทำอยู่ประจำ ไม่ต่อสัญญา เหตุเขาหันไปทำออนไลน์  ก็โอเคไม่เป็นไร จบ รายได้ได้หายไปทางหนึ่ง” เชฟปิง ย้อนเหตุการณ์ ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน

ก่อนบอกต่อ

“ปกติผมมีรายได้ 3-4  ทาง คือ เป็นเอ็กซ์ฯ เชฟในร้านอาหาร เป็นที่ปรึกษาให้กับร้านอาหาร มีอีเว้นต์ และเป็นพิธีกรรายการ พออีเว้นต์เริ่มหาย งานพิธีกรหาย งานที่ปรึกษาหายไปก่อนหน้านั้นแล้ว เหลือแค่งานเอ็กซ์ฯ เชฟในร้านอาหารอย่างเดียว พอโควิดมา ร้านไม่ต่อสัญญาจ้าง สรุปรายได้ของผมหายหมดทุกทางเลย”

ออกอีเว้นต์

เชฟปิง เผยให้ฟังต่อ ราวสิ้นปี 2562 เขาวางแผนล่วงหน้าไว้ ช่วงเดือนมกราคม กุมภาพันธ์  ต้องพยายามนำเงินสดเข้ามาเก็บให้มากที่สุด เบ็ดเสร็จรวบรวมได้ประมาณ 2 ล้านบาท หวังสำรองไว้ใช้จนถึงสิ้นปี 2563 ถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ยังมีเงินสดอยู่ แม้โควิดมา คงไม่เป็นไร ถึงตกงาน ยังมีบุญเก่ากิน

กระทั่งเดือนตุลาคม เงินเก็บเหลือไม่กี่แสน เพราะต้องใช้จ่ายไปกับ ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าบัตรเครดิต เหตุนี้ เขาจึงบอกกับตัวเอง ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว แต่ช่วงเวลานั้น ไม่คาดคิดว่า “การทำต้นไม้” จะช่วยประคองชีวิตได้

“ตอนนั้น คิดแค่ว่าเดี๋ยวคงมีงานร้านอาหารเข้ามาแน่ๆ  แต่ก็เป็นแค่ความเชื่อ ความจริงมันไม่ใช่ เพราะความจริง คือ วงการอาหารมีแต่ซบลงเรื่อยๆ ส่วนวงการไม้ใบ-ไม้ด่าง ดีวันดีคืน” เชฟปิง บอกเสียงเรียบ

เคน ภูภูมิ ชวนสะสม

“จุดเริ่มต้นความชอบไม้ใบ-ไม้ด่าง ของผม คือ เคน ภูภูมิ เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน มีโอกาสเจอกันตอนทานข้าว เคยคุยเรื่องต้นไม้ให้ฟังว่า เขาไม่ใช่สายขาย แต่เป็นสายสะสม ผมก็ อ๋อ! เหรอแค่นั้น แต่สุดท้าย ไม้ด่าง 3 ต้นแรก ของผม ก็ซื้อมาจากเคน ภูภูมิ นี่แหละครับ” เชฟปิง ย้อนให้ฟังถึงจุดเริ่ม

ก่อนที่เขาจะพาตัวเองเข้าวงการไม้ใบ-ไม้ด่าง ซึ่งยามนี้ต้องยอมรับว่า กำลัง “รุ่ง” กว่าทุกตลาดสินค้า กระทั่งเหล่า ดารา นักร้อง คนดัง จำนวนไม่น้อย ต่างหันมา “เล่น” กันเป็นแถว

เชฟปิง เล่าต่อ ช่วงแรกเขาซื้อไม้ใบ-ไม้ด่าง พันธุ์ต่างๆ มาเก็บสะสม เพื่อความสวยงาม เพราะรู้สึกเป็นงานอดิเรกที่ทำให้มีสมาธิ เลยเพลิดเพลินกับกิจกรรมซื้อมาเลี้ยง  ซื้อมาเก็บ หมดเงินไปราว 5-6 แสนบาท  สวยบ้างไม่สวยบ้าง ฮิตบ้างไม่ฮิตบ้าง ซื้อหมด พอมีมากเข้า ตัดสินใจ ลองนำออกขายสักต้นสองต้น

“ใช้เวลาสะสมประมาณ 3 เดือน สิงหาคม-ตุลาคม ปีที่แล้ว  เป็นจังหวะที่ไม้เริ่มแพงแล้ว แต่ลงเงินไปเพราะความชอบ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะขายได้ แต่พอเห็นว่ามีไม้เยอะ ลองขายต้นแรก เป็นต้นที่ซื้อต่อมาจาก เคน ภูภูมิ นำมาทำ คือ ดูแลและขยายต้น ก่อนตัดขาย ปรากฏกำไรดี เลยเดินหน้าต่อจริงจัง” เชฟปิง เล่า

ก่อนคุยออกรส

“พอได้ขายต้นแรกแล้ว  หลังจากนั้นสนุกมาก อย่าง พลูฉลุด่าง ต้นเล็กๆ ซื้อมาตอนนั้นแพงแล้ว ต้นละ 32,000 บาท มี 4 ใบ เลี้ยงอยู่ 2 เดือนครึ่ง แตกออกมา 10 ใบ แล้ววันที่ขาย ราคาตลาดอยู่ที่ใบละ 30,000 บาท เลยเป็นจุดที่แบบ เฮ้ยยย เวิร์ก อ่ะ”

เชฟปิง เล่าต่อ จำได้ว่าเริ่มขายไม้ครั้งแรก คือ เดือน พ.ย. 63 โดย 4 เดือนแรกก่อนหน้านั้น เป็นช่วงของการ หมุนไม้ หรือ ซื้อมาขายไป นำกำไรไปต่อต้นใหม่ บางต้นซื้อมาแล้วนำมาตัดขายยอดก่อน ก่อนเก็บตอไว้ เพื่อตั้งต้น กระทั่งทุกวันนี้ เริ่มมีกำไรต่อเนื่องในระดับน่าพอใจ

 เรียนรู้ พลาด เจ๊ง มาก็เยอะ

“เอาจริงๆ ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าพื้นที่หน้าบ้าน ขนาดไม่เกิน 15 ตารางวา รอบโรงจอดรถ ทำไม้ แบบกรุบกริบๆ ยังมีกำไรน่าพอใจ แล้วคิดดูว่าสวนใหญ่ เขาจะกำไรเท่าไหร่ เคยถามเจ้าของสวนที่รู้จัก เขาบอก กำไรอย่างเดียวนะ ไม่ใช่ยอดขาย เดือนที่แล้วได้มา 20 ล้านบาท” เชฟปิง แชร์เรื่องราวที่ประสบมา

เมื่อถามว่าเรียนวิชาเลี้ยงต้นไม้ มาจากไหน เชฟปิง บอก  ปัจจุบัน ทุกอย่างมีตัวอย่างให้เรียนรู้หมดแล้ว ไม่ว่าจะบน ยูทูบ บทความในกรุ๊ปต้นไม้ ที่อยู่ในโลกโซเชียล  ถ้าศึกษาดีๆ จะได้ความรู้มหาศาล แต่ต้องมาประยุกต์ให้เข้ากับตัวเอง เพราะไม่มีใครบอกได้ว่า วัสดุปลูกแบบไหนดีกับเรา ถ้าไม่ลองเอง ไม่มีใครบอกได้ว่า รดน้ำยังไงถึงจะดีกับต้นไม้ของตัวเอง เพราะอากาศแต่ละที่ไม่เหมือนกัน ไม่มีใครบอกได้ว่าไม้ต้นนี้ควรตัดยังไง หรืออาจจะบอกได้ แต่รู้แล้วจะทำเป็นหรือเปล่าอีก นั่นเป็นอีกเรื่อง

เชฟปิง กับไม้ด่าง ปลูกข้างบ้าน

“เรียนรู้มาเยอะ ทำมาเยอะ พลาดมาเยอะ เจ๊งมาก็เยอะ เลยกล้าพูดว่า รู้จักต้นไม้ดีพอก่อน ถึงจะกล้าขาย ในวันที่ผมเลือกจะขาย ต้องมั่นใจในระดับหนึ่งว่า ต้นนั้นจะรอดเมื่อไปสู่มือคนใหม่ การที่จะสามารถบอกวิธีการเลี้ยงให้คนซื้อได้  ผมต้องมั่นใจว่าเข้าใจไม้นั้นจริงๆ ไม่งั้นไม่กล้าขาย ส่วนช่องทางการขาย เข้าไปเสนอต้นไม้ ในกลุ่มบนเพจเฟซบุ๊ก คล้ายการประมูล ถ้าใครให้ราคาที่พอใจ ก็ปิดให้” เชฟปิง เล่าอย่างนั้น

ประเมินตลาดไม้ใบ-ไม้ด่าง ล่าสุดอย่างไรบ้าง เชฟปิง บอก มีคนอยากโดดลงมาเล่นในตลาดนี้ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ หนึ่ง หน้าใหม่ เข้ามาหวังกำไรและเม็ดเงิน สอง กลุ่มคนที่เข้ามาเพราะอยากศึกษาลองปลูก และ สาม ทั้งหวังกำไรและอยากลองปลูก

ต้องกิน ต้องใช้ ต้องเอาตัวรอด

“ตอนนี้ ไม้ใบ-ไม้ด่าง เป็นวงการเดียวในประเทศไทยที่ยังรอด วงการพระเครื่องก็ยับ วงการรถยับเหมือนกัน วงการอื่นๆ อย่าง นำเข้าของจากจีน ยับตั้งแต่ปีที่แล้ว ไหนจะขายของออนไลน์อีก เมื่อก่อนกำไรเดือนละสามแสน ตอนนี้ขายทั้งเดือน ยอดขายไม่ถึงแสนเลย” เชฟปิง วิเคราะห์ให้ฟัง

และว่า ถึงวันนี้ต้องถามก่อนว่า คนที่อยากเข้ามาวงการไม้ใบ-ไม้ด่าง นั้น เพราะเหตุผลอะไร ถ้าเข้ามาเพราะเม็ดเงิน เข้ามาเพราะหวังทำกำไร ต้องมีการซื้อมาขายไป แล้วทำกำไรให้ได้ตลอดเวลา อาจเหนื่อยหน่อย เพราะตอนนี้ ราคาไม้หลายตัว ดีดขึ้นเป็น 5-10 เท่า จาก 6 เดือนก่อน ราคาไม้บางตัว ราคาทะลุโลกไปแล้ว อย่าง 6 เดือนก่อน ขายกันหน่อละ 3-5 พันบาท ตอนนี้ หน่อละ 2-3 หมื่นบาท บางต้นเคยใบละ 3 พัน ตอนนี้ใบละ 3 หมื่นบาท

ทำไมถึงแพงขึ้นมาขนาดนั้น เชฟปิง อธิบาย เป็นไปตามกลไกตลาด เมื่อมีคนนิยมทั่วโลก ความต้องการจึงมีมาก แต่ผลิตได้ไม่ทัน ราคาจึงแพงเป็นเรื่องธรรมดา และต้นไม้ ไม่สามารถสั่งวันนี้ พรุ่งนี้ออกจากโรงงานได้ ต้องใช้ระยะเวลาหลักหลายเดือน บางสายพันธุ์ ก็มีจำนวนจำกัด

ยกตัวอย่าง ก้านส้มด่าง เดือน เม.ย. ปีก่อน 5,000-8,000 ต่อ 1 ใบสวยๆ มา เม.ย.ปีนี้ เป็น 70,000-100,000 บาท ต่อใบ ด้วยความต้องการมากขึ้น ไม้ทำยาก ด่างสวยยาก คนซื้อต้องยอมจ่าย อีกตัวอย่าง Epi marble ตอนออกมาใหม่ๆ ปลายปีก่อน ใบละ 20,000 บาท  เงียบมาก ต้นปีเหลือใบละ 5,000-10,000 บาท พอปีนี้กระโดดไป ใบละ 30,000-50,000 บาท

กับคำถาม ณ วันนี้ วางตำแหน่งตัวเองไว้อย่างไร เชฟปิง บอก

“หนึ่งปีที่ผ่านมา กล้าพูดเลยว่า ยอมให้ภาพความเป็นเชฟ เจือจางลงไป  ไม่ใช่แบบมีศักดิ์ศรี เป็นเชฟมิชลินสตาร์ จะไม่ทำอย่างอื่น เป็นโปรฯ เชฟ แล้วจะไม่ทำอย่างอื่น  แต่ผมต้องกิน ต้องใช้ ต้องเอาตัวรอด อย่างไรก็ตาม ผมไม่ทิ้งความเป็นเชฟไปหรอก  แค่เวลานี้ งานอดิเรก มันช่วยพยุงชีวิตได้จริงๆ”


ที่มา
www.sentangsedtee.com

เปิดตำรับ เครื่องดื่มผสมกัญชา บอกหมดทุกขั้นตอน ทำขายได้สบาย

 


เปิดตำรับ เครื่องดื่มผสมกัญชา บอกหมดทุกขั้นตอน ทำขายได้สบาย
เปิดตำรับ เครื่องดื่มผสมกัญชา บอกหมดทุกขั้นตอน ทำขายได้สบาย

เปิดตำรับ เครื่องดื่มผสมกัญชา บอกหมดทุกขั้นตอน ทำขายได้สบาย

ก่อนเปิดตำรับ เครื่องดื่มผสมกัญชา เรามาทำความรู้จัก กัญชา กันก่อน 

กัญชา เป็นพืชล้มลุก มีใบเป็นแฉก 5-8 แฉก ลำต้นสูง 3-5 เมตร  มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท กระตุ้น กด หลอน ขนาดและการตอบสนองในแต่ละคนไม่เหมือนกัน เนื่องจากความสมดุลของระบบกัญชาในร่างกายของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป ซึ่ง กัญชา จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ต้องขออนุญาตปลูกร่วมกับภาครัฐ

จากตำรับอาหารที่พิมพ์ตั้งแต่ปี 2451 แสดงให้เห็นว่าคนไทยใช้ใบกัญชามาเป็นเวลานาน และการใช้ใบปรุงอาหาร การทำผลิตภัณฑ์จากกัญชาเป็นศิลปะที่ต้องเรียนรู้

การใช้ใบกัญชาในอาหาร
ภาพจาก หนังสือ CANNABIS COOK BOOK ตำรับยิ้ม

โดย หนังสือ CANNABIS COOK BOOK ตำรับยิ้ม โดย กลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้แนะนำ เครื่องดื่มผสมกัญชา 3 สูตรแนะนำ ดังนี้ 

  1. ซู่ซ่าร่าเริง
ซู่ซ่าร่าเริง
ซู่ซ่าร่าเริง

ส่วนผสม 

ชาไทย                  2 ช้อนชา

กานพลู                  4 ดอก

ใบหูเสือ                 4 ใบใหญ่

น้ำเชื่อม                 120 มิลลิลิตร

น้ำสะอาด               100 มิลลิลิตร

วิธีทำ น้ำเชื่อม

นำวัตถุดิบทั้งหมดลงไปต้มในน้ำตาลนาน 5 นาที จากนั้นใส่น้ำเชื่อมลงไป

วิธีทำ น้ำคั้นกัญชาสด

นำใบกัญชาสด 6 ใบ ปั่นกับน้ำสะอาด 300 มล. กรองกากออก เอาแต่น้ำ (ชงได้ประมาณ 5 แก้ว)

วิธีชงน้ำ

น้ำเชื่อมชา                 60 มิลลิลิตร

น้ำมะนาว                   20 มิลลิลิตร

โซดา                        100 มิลลิลิตร

น้ำกัญชาคั้นสด           45 มิลลิลิตร

2. CRAFT SODA กัญซ่าส์ เมนูน้ำอัดลม เน้นวัตถุดิบจากธรรมชาติ ไม่มีแอลกอฮอล์

CRAFT SODA กัญซ่าส์
CRAFT SODA กัญซ่าส์

ส่วนผสม

น้ำเปล่า                       1 ลิตร

น้ำผึ้ง                          60 มิลลิลิตร

น้ำตาลทราย                50 กรัม

น้ำมะนาว                    15 กรัม

น้ำเลม่อน                    5 กรัม

เกลือ                          0.5 กรัม

ใบกัญชาอบแห้ง          4 กรัม

ขั้นตอนการทำ

  1. ต้มน้ำเดือด 1 ลิตร

2. แบ่งใบกัญชาอบแห้งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 3.5 กรัม ใส่ลงไปในน้ำเดือด ต้มสกัด 5-10 นาที

3. เติมเกลือ น้ำผึ้ง น้ำตาลทราย คนให้ละลาย

4. เติมน้ำมะนาว น้ำเลม่อน และใบกัญชาอบแห้ง ส่วนที่สอง 0.5 กรัม ทำการปิดไฟ

5. รอให้น้ำเครื่องดื่มที่ผสมเย็นลง แล้วนำเข้าตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2-4 องศาเซลเซียส

6. นำมาอัด COเพื่อให้เกิดความซ่า

Tip: สามารถเลือกสูตรปรับได้ตามต้องการ โดยเลือกวัตถุดิบที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ เช่น สีแดงจากฝาง เปรี้ยวจากมะนาว กลิ่นหอมจากมะลิ เป็นต้น

3. ชาไทยลั้ลลา 

ชาไทยลั้ลลา
ชาไทยลั้ลลา

ส่วนผสมสำหรับ 6 แก้ว 

  1. ใบกัญชาสด                                                6 ใบ

2. น้ำมะนาวหรือน้ำผลไม้รสเปรี้ยว                     6 ช้อนโต๊ะ 

3. ใบชาดำกลิ่นหอม                                        6-8 ช้อนชา 

4. ดอกเก๊กฮวย หรือชาดอกไม้กลิ่นหอมอื่นๆ      6 ช้อนชา 


5. ใบโรสแมรี่                                                 1 ช้อนชา 

6. เกลือ                                                         1 อัตรา 

7. น้ำตาล                                                       6 ช้อนโต๊ะ 

8. น้ำเปล่า                                                      500 ml

9. โซดา 3 ขวด หรือน้ำสะอาด                          1 ลิตร 

10. น้ำแข็ง 

วิธีทำ 

  1. นำน้ำเปล่า 200 ml ใส่หม้อตั้งไฟ แล้วใส่ใบชาดำ ดอกเก๊กฮวย โรสแมรี่ ลงต้มให้เดือด 5 นาที จากนั้นกรองเอาแต่น้ำชาหอม

2. นำน้ำตาลทรายใส่ในน้ำชาหอมขณะยังร้อน หรือตั้งไฟอีกครั้ง คนจนน้ำตาลทรายละลายหมดก็ปิดไฟ

3. ล้างใบกัญชาสด นำไปปั่นกับน้ำเปล่า 200 ml กรองเอาแต่น้ำ

4. คั้นน้ำมะนาว หรือใช้น้ำเสาวรส หรือน้ำเลม่อน เตรียมไว้ 6 ช้อนชา หรือประมาณ 100 ml 

5. ใส่น้ำแข็งในแก้ว 14 ออนซ์ ตามด้วยน้ำเชื่อมชาหอม 30 ml ตามด้วยน้ำโซดา 100 ml ตามด้วยน้ำมะนาว 15 ml

6. ปิดท้ายด้วยการเทน้ำคั้นกัญชาลงบนสุด เสร็จแล้วตกแต่งด้วยผลไม้รสเปรี้ยวและใบกัญชาตามใจชอบ 

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่ควรรับประทาน

  • ผู้ที่อายุต่ำกว่า 25 ปี
  • หญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร
  • ผู้ที่ตับและไตบกพร่อง ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ผู้ที่ใช้ยาวาร์ฟาริน และใช้ยาที่มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง

ที่มา
www.sentangsedtee.com