Friday, October 21, 2011

รุกตลาดขนมไทยบนโลกออนไลน์



ช่องทางการจัดจำหน่ายแบบเดิมๆ อาจไม่ใช่ทางออกเสมอไป การจัดจำหน่ายแบบไหนล่ะที่จะเข้าถึงผู้บริโภคได้รวดเร็วที่สุด? สาวออฟฟิศอย่างคุณปทิตตา จันทร์เพ็ญ จึงคิดรูปแบบการจัดจำหน่ายแบบออนไลน์ ซึ่งก็ดูไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่เมื่อสินค้าที่ขายเป็นขนมไทย การจัดจำหน่ายแบบนี้จึงต้องจับตามอง

ค้นสูตรจากโลกไซเบอร์
"จุดเริ่มต้นคือ ลูกชายเขาชอบทานขนมมาก พี่ก็อยากให้เขาทานขนมที่สะอาด และถูกสุขอนามัย ก็เลยลองทำเอง พี่เริ่มจากขนมที่ตัวเองชอบก่อนก็คือวุ้นกะทิมะพร้าวอ่อน ให้เขาชิมดูซึ่งเขาก็ชอบ หลังจากนั้นก็เลยลองเอาขนมที่เราทำไปให้เพื่อนๆ ที่ออฟฟิศชิมกัน ทุกคนก็บอกว่าอร่อยรสชาติถูกปาก คราวนี้พี่ก็เริ่มมั่นใจกับฝีมือตัวเอง จึงเริ่มค้นหาสูตรขนมไทยอื่นๆ เพิ่ม และมาลองทำดู เนื่องจากเรามีงานประจำต้องทำตลอดทั้งวัน จึงไม่สะดวกที่จะไปเรียนตามโรงเรียนสอนทำขนมต่างๆ คราวนี้ต้องใช้อินเทอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์ ค้นหาในเว็บไซต์ง่ายและสะดวกกว่า ค้นไปค้นมาจนได้อยู่หลายสูตร นำมาลองผิดลองถูกเอาเองจนได้รสชาติที่ถูกปาก"

ตีตลาดบนอินเทอร์เน็ต
"พี่ยังไม่พอใจกับสูตรที่ได้มาสักเท่าไหร่ ก็เลยไปปรึกษาญาติที่เป็นคนสุพรรณบุรี ซึ่งเขาทำขนมไทยกันเป็นอยู่แล้ว และแนะนำให้รู้จักญาติที่ย้ายไปอยู่เพชรบุรี ท่านทำขนมไทยขายอยู่แล้ว จึงได้คำแนะนำและเคล็ดลับดีๆ แต่ขนมเมืองเพชรค่อนข้างหวาน แล้วคนสมัยนี้โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ไม่ทานหวานมาก เราจึงลองปรับรสชาติให้ถูกปากลูกค้ามากขึ้น หลังจากลองทำอยู่นานพี่เลยนำสินค้าลงขายในเว็บไซต์ออนไลน์ โดยเลือกลงเว็บไซต์ที่ให้เราประกาศขายฟรีๆ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ พี่จะทำขนมเฉพาะลูกค้าสั่งเท่านั้น จะไม่มีการพรีออเดอร์ในเว็บ แต่จะให้ลูกค้าโทร.มาสั่งโดยตรงกับพี่ เนื่องจากพี่ไม่สามารถรับออเดอร์ลูกค้าได้ทุกคน โดยเฉพาะลูกค้าที่สั่งจำนวนมาก พี่จึงเลือกรับออเดอร์ด้วยตัวเอง"

การถนอมอาหารและการจัดส่งสินค้า
"พี่จะทำวันต่อวัน หมายถึงว่าลูกค้าจะโทร.มาสั่งขนมกับพี่ พี่ก็จะทำเองตอนหลังเลิกงาน แล้ววันรุ่งขึ้นก็จะเอาไปจัดส่ง ซึ่งตอนนี้ทางร้านขายขนมอยู่หลายประเภทมาก การจัดส่งก็จะแตกต่างกัน ถ้าเป็นวุ้น ลูกชุบ พี่จะไปส่งที่ขนส่งเอง เพื่อให้มั่นใจว่าเขามีห้องสำหรับเก็บขนมของเรา (เก็บที่ห้องแอร์ ไม่ใช่ห้องเก็บกระเป๋า) สำหรับลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัดจะต้องส่งตอนเย็น เพื่อเลี่ยงอากาศร้อนตอนกลางวัน และลูกค้าจะได้รับของวันรุ่งขึ้น หลังจากถึงมือลูกค้าแล้ว ลูกค้าต้องเก็บขนมตามคำแนะนำของพี่ ซึ่งจะเก็บไว้ได้นาน ขึ้นอยู่กับชนิดของขนม พี่จะไม่ใส่สารกันบูดลงไปในขนมเด็ดขาด เพราะมันคงไม่ดีต่อร่างกาย ส่วนขนมไทยประเภทอบแห้ง เช่น ฝอยทองกรอบ วุ้นกรอบ อาลัวและครองแครงกรอบ พี่จะทำตามออเดอร์ลูกค้า และจัดส่งทางขนส่งเช่นกัน แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นห้องแอร์ ปกติขนมไทยอบแห้งจะสามารถเก็บไว้ได้นานหลายสัปดาห์อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยพบกับปัญหาของบูดหรือเสียเลย ส่วนเรื่องการแพ็คสินค้า พี่จะแพ็คใส่ถุงแก้วขยายข้าง ห่อถุงให้ตึง และใส่ลังกระดาษอีกชั้นเพื่อกันการกระทบกระเทือนของสินค้า ลูกค้าจะได้สินค้าในแบบที่สมบูรณ์ที่สุด"

ผลกำไรที่ได้รับ
"พอสินค้าเป็นที่ต้องการของลูกค้ามากขึ้น การสั่งสินค้าจึงยิ่งต้องควบคุม โดยพี่จะรับสั่งทำพวกขนมไทยอยู่ที่ครั้งละ 5 กิโลกรัมเป็นอย่างต่ำ ไม่รับการสั่งออเดอร์จำนวนน้อยๆ ที่ต้องทำอย่างนี้ก็เพื่อคำนวณหาจุดคุ้มทุนที่สุด เมื่อเทียบกับเวลาและแรงที่เราเสียไป ถ้าลูกค้าสั่งน้อยก็จะได้ไม่คุ้มเหนื่อย และลูกค้าเองก็จะไม่คุ้มกับค่าขนส่งที่ต้องจ่ายเองด้วย นี่เป็นวิธีการคิดของพี่เองเพื่อลดปัญหาการแบกรับภาระเรื่องต้นทุนทั้งของตัวเองและลูกค้า ในแต่ละเดือนพี่จะได้รายได้เสริมจากการขายขนมนี้ประมาณเดือนละหนึ่งหมื่นบาท แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาล เช่น ปีใหม่ วาเลนไทน์ พี่ก็จะได้รายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณสามถึงสี่เท่า ถ้าเราขยันก็จะยิ่งได้มากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นรายได้เสริมที่มากพอสมควรกับเวลาที่เหลืออยู่อย่างจำกัด จากการทำงานประจำ และการดูแลลูกด้วย เท่านี้ก็เพียงพอกับการใช้ชีวิตของพี่แล้ว"

เพิ่มจุดต่างด้วยการบรรจุหีบห่อ
"พี่ลองคิดทำขนมอาลัวดอกกุหลาบ กับลูกชุบรูปหัวใจขายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ผลตอบรับดีมาก แต่พี่คิดว่าถ้าเราเพิ่มการบรรจุหีบห่อที่น่าสนใจเข้าไป สินค้าเราน่าจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น เลยลองไปหากล่องรูปหัวใจกับถุงมาใส่ขนมเพื่อเพิ่มมูลค่า ผลตอบรับคือยอดการสั่งซื้อมากขึ้น ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อไปจะนำไปขายต่ออีกที เพราะฉะนั้นการบรรจุหีบห่อให้ลูกค้าเอาไปขายต่อได้ง่ายและสะดวกขึ้นจึงเป็นที่ต้องการของลูกค้า ถึงแม้เราจะเพิ่มค่าบรรจุหีบห่อไปอีกนิดหน่อยลูกค้าก็ยอมจ่าย เพราะเขาจะได้สินค้าที่พร้อมที่จะเอาไปขายต่อทันที แต่จะรับบรรจุหีบห่อให้เฉพาะเทศกาลสำคัญๆ เท่านั้นนะคะ"

สนใจอุดหนุนได้ที่ บ้านขนมสองพี่น้อง http://www.siamonlineshop.com/market/shop.asp?id=16945 หรือโทร.085 321 3891



Be Magazine
ขอขอบคุณ : Be Magazineผู้สนับสนุนเนื้อหา

No comments:

Post a Comment